xs
xsm
sm
md
lg

กรุงศรีฯ เนื้อหอม “SCB-Kbank” รุมจีบ เล็งขึ้นเบอร์ 1 แซง BBL

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - กรุงศรีอยุธยาเนื้อหอม แบงก์ไทย-เทศรุมจีบ ไทยพาณิชย์เดินหน้าเจรจา “กลุ่มรัตนรักษ์” หวังควบรวมกิจการ ดันแบงก์นั่งแท่นเบอร์ 1 แซงธนาคารกรุงเทพ ใช้วิธีแลกหุ้น เป็นโมเดลที่ “รัตนรักษ์” รับได้ โดยไม่ต้องใส่เงินเพิ่ม ล่าสุด กสิกรไทยสนใจเงื่อนไขดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ต้องใหญ่จริงถึงจะได้เปรียบ และมีศักยภาพในการแข่งขัน และอยู่รอด ส่วนจีอีพร้อมขายหุ้นกรุงศรีฯ ต่อไป กลุ่มทุน ตปท.สนใจ

หลังจากกลุ่มจีอีขย่มวงการธนาคารพาณิชย์ไทย ประกาศขายหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และแต่งตั้งให้มอร์แกน สแตนเลย์ เป็นที่ปรึกษา โดยขายหุ้นบิ๊กล็อตจำนวน 7.6% ผ่านบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ในราคาเฉลี่ยประมาณ 31 บาทต่อหุ้น ให้แก่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ และยืนยันเจตนาเดิมที่จะขายหุ้นทั้งหมดของกลุ่มจีอีให้แก่นักลงทุนโดยไม่ต้องเร่งรีบ หรือมีเงื่อนไขของเวลาเข้ามากำหนด หากราคา และโอกาศที่เหมาะสมของกลุ่มจีอีก็พร้อมที่จะขายหุ้นทันที

การลาออกของนายมาร์ค อาร์โนลด์ จากตำแหน่งกรรมการธนาคาร และตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคาร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2556 เป็นต้นไป และคณะกรรมการธนาคารได้แต่งตั้ง นางเจนิส แร แวน เอ็กเคอเรน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทนนายมาร์ค จอห์น อาร์โนลด์ และแต่งตั้งนายฟิลิป แทน ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหารของธนาคาร โดยให้รายงานตรงต่อ นางเจนิส แร แวน เอ็กเคอเรน และคณะกรรมการธนาคาร มีผลในวันที่ 1 มกราคม 2556 ซึ่งผู้บริหารทั้ง 2 ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มจีอีเหมือนเดิม เป็นคำตอบที่ชัดเจนของจีอีที่ไม่เร่งรีบในการขายหุ้นธนาคาร

** “รัตนรักษ์”กำหนดทิศทางแบงก์
การประกาศขายหุ้นบิ๊กล็อตของจีอี ส่งผลให้กลุ่ม “รัตนรักษ์” และพันธมิตรขึ้นมามีบทบาททันที โดยกลุ่มใหม่ที่เข้ามาจะซื้อหุ้นของแบงก์กรุงศรีฯ ในสัดส่วนเท่าใด ต้องเจรจากับกลุ่มรัตนรักษ์ คือ คุณกฤตย์ รัตนรักษ์ ก่อน โดยเงื่อนไขของการเจรจาจะแตกต่างจากเดิมที่มีการขายหุ้นให้แก่จีอี โดยขณะนั้น ธนาคารต้องการเงินทุนเข้ามาพัฒนา และบริหาร รวมทั้งกลุ่มจีอีจุดแข็งด้านรายย่อยที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธนาคาร กลุ่มรัตนรักษ์จึงเปิดทางให้แก่จีอีในการบริหารธนาคารทั้งหมด แต่ในปัจจุบัน ธนาคารมีความเข้มแข็งด้านเงินทุน การบริหารธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยที่สามารถเติบโต และสร้างกำไรให้แก่ธนาคารอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กลุ่มใหม่จะต้องรับเงื่อนไขกับกลุ่มรัตนรักษ์ให้ได้ หลักจะเป็นเงื่อนไขของการบริหารแบงก์ที่จะเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น โดยผู้ถือหุ้นจะส่งกรรมการ และผู้บริหารเข้ามาร่วมกันบริหารตามสัดส่วน เป้าหมายเพื่อผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น รวมทั้งเรื่องขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมองค์กรต้องสามารถไปด้วยกันได้

***ไทยพาณิชย์ แอบเจรจา รัตนรักษ์
อีกด้านหนึ่ง ธนาคารไทยพาณิชย์ สนใจธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อที่จะควบรวมหวังกว้ากระโดดขึ้นเป็นธนาคารขนาดใหญ่ นั่งแท่นอันดับ 1 แทนธนาคารกรุงเทพ เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ธนาคารทุกแห่งในกลุ่มต้องมีความเข้มแข็ง และใหญ่มากพอต่อการแข่งขัน ซึ่งปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ในกลุ่ม AEC มีขนาดใหญ่เป็น 2- 3 เท่าของธนาคารพาณิชย์ไทย แนวคิดการควบรวมกิจการเกิดขึ้นโดยผู้บริหารระดับสูงของไทยพาณิชย์ เป็นผู้สนใจจะขอเจรจากับธนาคารกรุงศรีฯ โดยมีเงื่อนไขที่ไม่ต้องใช้เม็ดเงินในการซื้อหุ้น เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งผู้ถือหุ้นของไทยพาณิชย์ไม่ต้องการใส่เงินเพิ่มเติมอีก จึงเกิดเป็นโมเดลแลกหุ้นระหว่างกัน
 
โมเดลดังกล่าวจึงเหมาะกับกลุ่มรัตนรักษ์มากกว่ากลุ่มจีอี โดยเป็นกลุ่มของคนไทยด้วยกัน วัฒนธรรมองค์กรการบริหารจะไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกัน โดยทั้งผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 แห่ง อาจจะต้องมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลงบ้าง แต่เมื่อควบรวมกิจการที่ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่ง รายได้ และผลตอบแทนก็สูงขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นโมเดลที่รัตนรักษ์สนใจ และล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยก็สนใจโมเดลดังกล่าวด้วย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งสามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนได้อย่างยั่งยืน

***ดังนั้น จึงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทย มีความเคลื่อนไหวอย่างไร โดยไทยพาณิชย์ เริ่มเจรจาอย่างลับๆ กับรัตนรักษ์แล้ว เพื่อดันขึ้นเป็นเบอร์ 1 แซงธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทยเริ่มสนใจโมเดลแลกหุ้นเสริมความแข็งแกร่งในขนาดเดียวกัน ธนาคารกรุงเทพ จะตั้งรับ หรือปรับเปลี่ยนเพื่อรุกสู้ เพื่อรักษาแชมป์ความเป็นผู้นำของธนาคารพาณิชย์ไทย....อย่ากะพริบตาตามกระแสอย่างใกล้ชิตกันเลยทีเดียว!!!!***
กำลังโหลดความคิดเห็น