“รมช.คลัง” ชี้ไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภาษี เพื่อรองรับเปิด “เออีซี” เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันให้เอกชน เพราะปล่อยนิ่งมานานถึง 20 ปี “ปลัดคลัง” ยืนยันการปรับลดภาษีนิติบุคคลช่วยเพิ่มศักยภาพเอกชนไทย พร้อมดึงเงินทุน ตปท. ยอมรับรายได้รัฐปรับลดลง ยังสามารถบริหารจัดการได้ เล็งการปรับขึ้น “แวต”เพียง 1% ช่วยเพิ่มรายได้เข้ารัฐ 6 หมื่นล้านบาท
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แสดงปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “เดินหน้าสู่เออีซีด้วยนโยบายภาษีที่เป็นธรรม” โดยระบุว่า เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภาษี หลังจากปรับมาแล้วเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในการปรับโครงสร้างภาษีต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม การจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ และเป็นฐานรายได้ระยะยาว ซึ่งขณะนี้รอผลการประเมินการจัดเก็บรายได้ แต่ยังกังวลการจัดเก็บรายได้ เนื่องจากรัฐบาลมีรายจ่ายจากนโยบายต่างๆ เช่น รถยนต์คันแรก และการปรับลดภาษีนิติบุคคลจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 20 ในปีนี้ ทำให้อาจต้องชะลอการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไป ประกอบกับเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน
รมช.คลัง ยอมรับว่า คลังเตรียมแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อยกเว้นภาษีให้แก่เกษตกรที่ปลูกยาสูบ และหันส่งขายให้แก่โรงบ่ม เพราะหลังจากมีการปรับภาษีสรรพสามิตยาสูบ ทำให้เกษตรกรต้องถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 1-10 ทำให้ได้รับความเดือดร้อน และถือเป็นการเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อน เนื่องจากโรงบ่มเมื่อมีการบรรจุยาเส้นห่อขาย จะต้องเสียภาษีในส่วนที่มีการปรับเพิ่มอยู่แล้ว จึงเห็นควรว่าต้องเร่งดำเนินแก้ไขกฎกระทรวงยกเว้นภาษีให้แก่เกษตรกรตามการร้องเรียน
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า ขณะนี้การปรับลดภาษีนิติบุคคลของไทยถือเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทย และเป็นแรงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งภาษีนิติบุคคลของไทยถือเป็นภาษีที่ต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน และถึงแม้ว่าจะมีส่วนทำให้รายได้ของภาครัฐลดลง ก็ยังถือว่าบริหารจัดการได้ เพื่อเป็นการสร้างฐานการผลิตในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐบาล การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวตถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งประเทศก็ได้มีการศึกษา เพราะจะทำให้ลดภาระงบประมาณได้ เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ร้อยละ 1 จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 6 หมื่นล้านบาท แต่การจะปรับแวตขึ้นนั้น ะต้องดูศักยภาพการผลิตของประเทศด้วย