xs
xsm
sm
md
lg

9 เดือน..ยุโรปถือครองหุ้นไทยมากสุด สิงคโปร์นำโด่งในภูมิภาค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


9 เดือนแรกปี 2555 ต่างชาติเข้าถือครองหุ้นไทย 3.6 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปี พบนักลงทุนยุโรปถือครองกว่าครึ่ง โดยสหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนมากสุด ส่วนในอาเซียน สิงคโปร์นำโด่ง รองลงมาคือ มาเลเซีย ซึ่งส่วนมากเป็นการถือระยะยาวในลักษณะพันธมิตรร่วมลงทุน หรือเป็นบริษัทแม่ที่อยู่ในต่างประเทศ ด้านตลาดหลักทรัพย์เชื่อตลาดอาเซียนยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก จาก ASEAN Trading Link และ AEC

    ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เปิดเผยรายงาน Set Note 3/55  โดย สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ กล่าวถึงการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย  ว่า นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจต่อตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 65,775 ล้านบาท
    
    ขณะที่ในปี 2555 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยสูงถึง 3.60 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 36.76% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด ซึ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี (ปี 2553-2555) โดยนักลงทุนจากทวีปยุโรปมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมสูงสุดเมื่อเทียบกับนักลงทุนจากทวีปอื่น

     และเมื่อพิจารณารายสัญชาติ พบว่า นักลงทุนจากสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นนักลงทุนที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 สัญชาติแรก ส่วนนักลงทุนจากประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น กรีซ อิตาลี สเปน และโปรตุเกส มีมูลค่าการถือครองเพียง 0.002% ของมูลค่ารวมทั้งตลาดเท่านั้น ส่วนนักลงทุนต่างประเทศจากประเทศในกลุ่มอาเซียน มีมูลค่าการถือครองรวม 787,439 ล้านบาท หรือเพียง 8.03% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด

    จากข้อมูลพบว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ (net buy) สูงถึง 65,774.92 ล้านบาท หลังจากขายสุทธิ 5,290.42 ล้านบาทในปี 2554 ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย (SET และ mai) เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 จะพบว่า ในปี 2555 มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว (91.71%) จากปี 2553 เป็นผลจากระดับราคาของหุ้นที่สูงขึ้นตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ที่เพิ่มขึ้น 60.90% และปริมาณการถือครอง หรือจำนวนหุ้น (volume) ที่เพิ่มขึ้น 40.23%

    ทั้งนี้ พบว่านักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในกระดานต่างประเทศ (foreign shares) สูงถึง 82% ของมูลค่าการถือครองรวม รองลงมาคือหลักทรัพย์ NVDR ประมาณ 18% และหุ้นในกระดานหลัก (local shares) น้อยกว่า 1% ของมูลค่าการถือครองรวมของนักลงทุนต่างประเทศ  ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อขาย local shares และหลักทรัพย์ NVDR 50% และ 43% ตามลำดับ และมีการซื้อขาย foreign shares เพียง 7% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของนักลงทุนต่างประเทศ 4 เท่านั้น เนื่องจากการถือครอง foreign shares มักเป็นการถือครองหุ้นในระยะยาวของพันธมิตรทางธุรกิจ หรือ strategic shareholders

โดยในปี 2555 นักลงทุนจากทวีปยุโรปมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมสูงสุดประมาณ 50% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด นำมาโดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักร (British) มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมสูงสุด รองลงมาคือ นักลงทุนจากสิงคโปร์ และอเมริกา ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนจากประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น กรีซ อิตาลี สเปน และโปรตุเกส มีมูลค่าการถือครองเพียง 0.002% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาดเท่านั้น

    ทำให้ภาพรวม ณ  ปัจจุบัน มีนักลงทุนจาก 89 สัญชาติ ใน 5 ทวีป ถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนจากทวีปยุโรปมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดรวม 1.79 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด รองลงมา คือ นักลงทุนจากทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกา ทวีปแอฟริกา และทวีปออสเตรเลีย

    ขณะเดียวกัน จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสในการขยายฐานนักลงทุนไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากยังมีมูลค่าการถือครองหุ้น และจำนวนนักลงทุนน้อยในปัจจุบัน
    
    โดยในปี 2555 นักลงทุนต่างประเทศที่เป็นนักลงทุนจาก 9 ประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า เวียดนาม บรูไน กัมพูชา และลาว มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 787,439 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 8.03% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด

สำหรับในกลุ่มนักลงทุนอาเซียน นักลงทุนจากสิงคโปร์มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดรวม 731,956 ล้านบาท คิดเป็น 92.95% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนอาเซียน  และส่วนใหญ่ประมาณ 99.63% ของมูลค่าการถือครองหุ้นทั้งหมดของนักลงทุนสิงคโปร์เป็นการถือครองโดยนักลงทุนสถาบัน หรือนิติบุคคล และถือครองโดยนักลงทุนบุคคลเพียง 0.37% เท่านั้น

    ลำดับรองลงมา คือ นักลงทุนจากมาเลเซีย ที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 53,525 ล้านบาท คิดเป็น 6.80% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนอาเซียน โดยส่วนใหญ่ถือครองโดยนักลงทุนสถาบัน หรือนิติบุคคล และถือครองโดยนักลงทุนบุคคลเพียง 8.22% เท่านั้น และพบว่า นักลงทุนจากสิงคโปร์และมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นบริษัทแม่ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยเช่น  กองทุนของภาครัฐ ซึ่งถือครองหุ้นไทยในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ หรือ strategic shareholders

    ขณะที่นักลงทุนจากอีก 7 ประเทศ อันได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า เวียดนาม บรูไน กัมพูชา และลาว มีมูลค่าการ   ถือครองหุ้นรวมเพียง 1,958 ล้านบาท หรือ 0.25% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนอาเซียน โดยนักลงทุนจากพม่า เวียดนาม บรูไน กัมพูชา และลาว แต่ละประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมน้อยกว่า 100 ล้านบาท และเกือบทุกประเทศในกลุ่มอาเซียน ยกเว้นสิงคโปร์ และมาเลเซีย มีจำนวนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยน้อยกว่า 100 ราย แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนในประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ยังลงทุนในตลาดหุ้นไทยน้อยมาก

    อย่างไรก็ตาม จากพัฒนาการต่างๆ ในตลาดหุ้นไทย เช่น การเชื่อมโยงตลาดทุนอาเซียน เพื่อช่วยยกระดับหลักทรัพย์อาเซียนให้เป็นที่ยอมรับในสายตานักลงทุนทั่วโลก การเชื่อมโยงกระดานการซื้อขายอาเซียน (ASEAN Trading Link) เป็นต้น และการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ในปี 2558 จะเป็นโอกาสอันดีของผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนไทย เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการลงทุน ในการขยายฐานนักลงทุนไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน
กำลังโหลดความคิดเห็น