“ที.เอ็ม.ซี.อุตสาหกรรม“ เคาะราคาไอพีโอ 3.90 บาท เตรียมเปิดจอง 17-19 ตุลาคมนี้ พร้อมเตรียมเข้าเทรดในตลาด mai วันที่ 26 ต.ค. ผู้บริหารเชื่อทั้งปีรายได้โต 30% แน่ โชว์ Backlog ในมือ 422 ล้านบาท ด้าน “ฟินันเซีย ไซรัส” ชี้ราคาไอพีโอเหมาะสม มั่นใจได้รับการตอบรับจากนักลงทุน
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า บมจ.ที.เอ็ม.ซี.อุตสาหกรรม (TMC) ได้กำหนดราคาหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 85,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท โดยราคาเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปหุ้นละ 3.90 บาท ซึ่งเปิดให้จองซื้อในวันที่ 17-19 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 26 ต.ค.55 ซึ่งมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ร่วมด้วย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย บล.ธนชาต บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.เอเชีย พลัส
นอกจากนี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อพนักงานของบริษัทจำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.12 บาท โดยหุ้นในส่วนนี้จะถูกห้ามขาย (Lock-up Period) เป็นเวลา 3 เดือน
“ราคาหุ้น IPO ของ TMC มีส่วนลดให้แก่นักลงทุน 25.84% จาก P/E 13.74 เท่า (คำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสติดต่อ) เมื่อเทียบกับค่าพีอีเรโชของตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ระหว่าง 1 ก.ค.-30 ก.ย.55 อยู่ที่ 18.53 เท่า ประกอบกับ ผลโรดโชว์ที่เชียงใหม่ หาดใหญ่ ชลบุรี และกรุงเทพฯ มีนักลงทุนเข้าร่วมรับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่าเมื่อเปิดจองซื้อหุ้นแล้วจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้งรายได้กว่า 50%ของบริษัทมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งปีนี้ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น”
นายสุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข กรรมการผู้จัดการ บมจ. ที.เอ็ม.ซี.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก จากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังเป็นขาขึ้น โดยส่วนหนึ่งของเงินระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้สร้างโรงงานแห่งที่ 3 เพราะปัจจุบั นโรงงานทั้ง 2 แห่งของบริษัทผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอกับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีออเดอร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้ยืม เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง และมีอัตราเติบโตที่ดีในอนาคต
“เรามีBacklog ในมือประมาณ 422 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ในปีนี้ ทำให้เราตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 675.24 ล้านบาท หลังจากยอดขายเครื่องจักรเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องจักรอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 30% ปัจจุบันอยู่ที่ 28.9% แล้ว เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่สูงขึ้น ประกอบกับ บริษัทมีอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบมากขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิขณะนี้อยู่ที่ 13% เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายทรงตัว โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิแล้วกว่า 59.09 ล้านบาท สูงกว่ากำไรของปี 54 ทั้งปีที่มี 32.42 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้และกำไรสุทธิของ TMC เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 52 มีรายได้รวม 367.17 ล้านบาท เพิ่มเป็น 474.45 ล้านบาทในปี 53 และ 675.24 ล้านบาทในปี 54 ขณะที่งวดครึ่งแรกของปี 55 มีรายได้รวม 437.06 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในปี 52 อยู่ที่ 11.89 ล้านบาท ปี 53 อยู่ที่ 11.35 ล้านบาท และปี 54 มีกำไรสุทธิ 32.42 ล้านบาท ขณะที่งวดแรกของปี 55 มีกำไรสุทธิ 59.09 ล้านบาท
สำหรับ TMC เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายเครื่องจักรระบบไฮดรอลิกเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งเครนระบบไฮดรอลิก และเครื่องทุ่นแรงระบบไฮดรอลิกเพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรมทั่วไปและศูนย์บริการรถยนต์ จักรยานยนต์ รวมทั้งจัดหา และจัดจำหน่ายเครื่องทุ่นแรงระบบไฮดรอลิกบางประเภท ภายใต้ตราสินค้า “TMC”
