xs
xsm
sm
md
lg

SGP เหมาธุรกิจแก๊สเชลล์-กวาดเรียบเวียดนาม-มาเลย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สยามแก๊ส” ซื้อหุ้นเชลล์แก๊ส เวียดนาม-Shell Gas Hai Phong-ซื้อสินทรัพย์ Shell Timur มาเลเซีย ใช้เงินลงทุน 115.88 ล้านบาท หวังขยายการทำธุรกิจค้าก๊าซ LPG ในเวียดนาม และมาเลเซีย ช่วยเพิ่มแหล่งรายได้ในต่างประเทศ คาดดีลแล้วเสร็จปลายปี ผู้บริหารชี้สุดคุ้มได้ทั้งคลังบรรจุ ถังแก๊ส และมาร์เกตแชร์แบบไม่ต้องทุ่มเงินมหาศาลไปลงทุนใหม่ มั่นใจรับรู้รายได้-กำไรตั้งแต่เริ่มเข้าบริหาร

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้ายื่นประมูลซื้อหุ้นสามัญของ Shell Gas (LPG) Vietnam Limited (SGV) ในส่วน 100% ของทุนจดทะเบียนจาก Shell Gas (LPG) Holding B.V. และยื่นประมูลซื้อหุ้นสามัญของ Shell Gas Hai Phong Limited.(SGH) ในสัดส่วน 79.64% ของทุนจดทะเบียนจาก Shell Gas (LPG) Holding B.V.

รวมถึงอนุมัติยื่นประมูลซื้อสินทรัพย์ และธุรกิจแก๊สปิโตรเลียมเหลวของ Shell Timur Sdn.Bhd.(STSB) ใน East Malaysia โดยให้ MYGAZ SDN.BHD. (MYGAZ) โดยเป็นบริษัทย่อยที่ SGP ถือหุ้นในสัดส่วน 70% ของทุนจดทะเบียน เข้าซื้อสินทรัพย์ของ STSBแทน SGP

โดยใช้เงินในการซื้อหุ้นสามัญของ SGV รวมทั้งสิ้น 1 แสนเหรียญสหรัฐ หรือ 3.11 ล้านบาท ส่วน SGH บริษัทใช้เงินซื้อหุ้น 3 แสนเหรียญสหรัฐ หรือจำนวน 9.35 ล้านบาท และ STSB บริษัทใช้เงินทั้งสิ้น มูลค่า 10 ล้านริงกิตมาเลเซีย หรือ 103.42 ล้านบาท

“การเข้าซื้อหุ้น SGV, SGH และการซื้อสินทรัพย์ฯ ของ STSB ครั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของบริษัทในการขยายขอบเขตการทำธุรกิจค้าก๊าซ LPG ในต่างประเทศ และเป็นการเพิ่มแหล่งรายได้ของบริษัท โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล ซึ่งเงินที่นำมาใช้ในการซื้อหุ้นครั้งนี้มาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท”

สำหรับ SGV ประกอบธุรกิจโรงอันบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว มีทุนจดทะเบียน 5.126 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินทรัพย์รวมณสิ้นปี 2554 จำนวน 159.31 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 373.19 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วจำนวน 108.12 ล้านบาท มีขาดทุนสะสม 322 ล้านบาท ขณะที่ SGH ประกอบธุรกิจโรงอันบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว มีทุนจดทะเบียน 11.2 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินทรัพย์รวมณสิ้นปี 2554 จำนวน 253.79 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 313.47 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว จำนวน 199.34 ล้านบาท มีขาดทุนสะสม 259.02 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในภาพรวม SGP มองว่าการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ช่วยทำให้การขยายธุรกิจในเวียดนาม และมาเลยเซียรวดเร็วยิ่งขึ้น และมีต้นทุนในการลงทุนที่ต่ำมาก ซึ่ง SHELL GAS HAI PHONG ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงบรรจุก๊าซทางตอนเหนือของเวียดนาม มีกำลังผลิตในปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 ตัน/เดือน และบริษัทจะมีการขยายกำลังการผลิตเป็น 2-3 พันตัน/เดือน จากการขนถ่ายแก๊สของบริษัทจากคลังจูไห่ ประเทศจีนเข้ามาบรรจุ ขณะที่ SHELL GAS (LPG) VIETNAM LIMITED ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าก๊าซที่ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ ทางตอนใต้ของเวียดนาม มีถังแก๊สเปล่ากว่า 1 แสนถังที่จะกลายมาเป็นสินทรัพย์ของบริษัท ซึ่งถูกกว่าการลงทุนผลิตถังใหม่ที่มีต้นทุนสูงถังละ 12-13 เหรียญสหรัฐ

“เราคาดว่าดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ อันจะมีผลทำให้รายได้ในปี 2556 บริษัทเพิ่มขึ้นอีก 3-5 พันล้านบาท เมื่อรวมกับดีลที่มาเลเซีย และดันยอดขายทั้งปีเติบโต 10% จากเป้ายอดขายปัจจุบัน 5 หมื่นล้านบาท นอกจากส่วนแบ่งการตลาดในเวียดนามของสยามแก๊สจะเพิ่มขึ้นจาก 3-4% เป็น 10% เมื่อรวมมาร์เกตแชร์ของเชลล์ในเวียดนามเข้ามา ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกำไรได้ทันทีในเดือนแรกที่เข้าบริหาร แม้ที่ผ่านมาบริษัทเหล่านี้จะประสบปัญหาขาดทุน”

ส่วนการซื้อหุ้นกิจการ Shell Timur Sdn.Bhd.(STSB) ใน East Malaysia มียอดขาย 10,000 ตัน/เดือน และมีมาร์เกตแชร์ถึง 45% เป็นรองเพียงปิโตรนาส ดังนั้น เมื่อ SGP เข้าซื้อกิจการก็จะทำให้ได้มาร์เกตแชร์ในส่วนนี้มาเป็นของบริษัทด้วย

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ กล่าวว่า การลงทุนในประเทศมาเลเซียครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตลาดครั้งแรกในมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต และบริษัทเองก็มองหาช่องทางลงทุนอยู่แล้ว บังเอิญกลุ่มเชลล์ต้องการขายธุรกิจในส่วนนี้ และบริษัทก็ได้เข้าร่วมและชนะการประมูลในครั้งนี้ ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศเวียดนามนั้นก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากประเทศเวียดนามมีศักยภาพสูง และราคาก๊าซ LPG ก็ไม่ถูกควบคุมโดยภาครัฐ ซึ่งจากนี้ไป เราจะทำตลาดได้ครอบคลุมทั้งเวียดนามตอนเหนือ และตอนใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น