ผู้บริหาร BAY โต้ข่าว GE ขายหุ้น 33% ให้มาลายัน แบงกิ้ง เพราะยังมองเป็นยุทธศาสตร์ธุรกิจในไทย
นายสยาม ประสิทธิ์ศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า กลุ่ม GE CAPITAL INTERNATIONAL HOLDING CORPORATION (GE) อาจขายหุ้น BAY ให้แก่ธนาคารในภูมิภาคที่ให้ความสนใจเข้ามาทำธุรกิจในไทย โดยระบุว่า ขณะนี้เท่าที่ทราบทางกลุ่ม GE ยังคงถือหุ้นใน BAY ต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่ม GE ยังให้ความสนใจธุรกิจธนาคารพาณิชย์เป็น Strategic Investment ในไทย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นจะเป็นอย่างไร คงเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาระดับสูง และผู้ถือหุ้น โดยปัจจุบัน GE ถือหุ้น BAY ในสัดส่วน 32.93% หรือ 2 พันล้านหุ้น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง
โดยก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวสะพัดว่ากลุ่ม GE เตรียมขายหุ้นทั้งหมด 33% ให้แก่มาลายัน แบงกิ้ง หรือเมย์แบงก์ ธนาคารใหญ่สุดของมาเลเซีย คิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 2 แสนล้านบาท
นายสยาม ยังกล่าวถึงการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มธูรกิจเอสเอ็มอีว่า สินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 16% หรือมียอดสินเชื่อคงค้าง 1.81 แสนล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรก สินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโตแล้ว 8% หรือมีสินเชื่อคงค้างที่ 1.68 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนฐานลูกค้าใหม่มาที่ 60% จาก 40% ส่วนลูกค้าเก่าจะมีสัดส่วน 40% จากเดิมมีสัดส่วน 60%
ช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารได้วางกลยุทธ์การตลาดด้วยการออกสินเชื่อใหม่เป็น “สินเชื่อสุขใจ” ที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ 30% และให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 20 ล้านบาท ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อสุขใจที่ 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญกระตุ้นยอดใช้สินเชื่อของลูกค้าเดิม และเดินหน้าจับมือพ้นธมิตรรายใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด BAY ได้เซ็นสัญญากับ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC มีเป้าหมายสินเชื่อ วงเงิน 700 ล้านบาท เครื่องใช้ไฟฟ้าแอลจี 200 ล้านบาท และเทสโก้ โลตัส ที่ 1 พันล้านบาท
พร้อมกันนี้ ได้มีการนำระบบ One Scan มาอนุม้ติสินชื่อ ซึ่งได้ติดตั้งระบบนี้ไปแล้ว 600 สาขา และจะทำให้การอนุมัติสินเชื่อทำได้เร็วภายใน 3 วัน
นายสยามกล่าวว่า ลูกค้าหลักในกลุ่มเอสเอ็มอีจะเป็นธุรกิจบริการ และเทรดดิ้งที่ยังมีความต้องการสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าลูกค้าในภาคการส่งออกอาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่การที่รัฐบาลหันมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ น่าจะยังทำให้กลุ่มธุรกิจส่งออกไปได้ดี ขณะที่ลูกค้ากลุมธุรกิจส่งออกของ BAY มีสัดส่วนน้อยเพียง 5% ของพอร์ตสินเชื่อรวม และยังมีการชำระหนี้เป็นไปตามปกติ ไม่เห็นสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้
ส่วนในพื้นที่ถูกน้ำท่วม นายสยามกล่าวว่า ในขณะนี้มีลูกค้าเอสเอ็มอีในพื้นที่ดังกล่าวไม่เกิน 4% ของพอร์ตสินเชื่อยังไม่มีผลกระทบ ซึ่งมองว่าปีนี้น่าจะท่วมน้อยกว่าปีก่อน และมองเป็นผลกระทบระยะสั้น