xs
xsm
sm
md
lg

โลว์ซีซัน-ส่งออกลดฉุด ROBINS ผู้บริหารยืนยันไม่เพิ่มทุนในอีก 2 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน” เผยยอดขายครึ่งปีหลังต่ำกว่าครึ่งปีแรก เหตุ ไตรมาส 3 เป็นช่วงโลว์ซีซันจากภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศ-ส่งออกไทยชะลอตัว ราคาสินค้าเกษตรลง กระทบจิตวิทยาทำให้ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แต่เชื่อไตรมาส 4 กลับมาดี ทำให้ทั้งปียอดขายโต 22% จากปีก่อน 1.76 หมื่นล้านบาท ยันไม่เพิ่มทุนอีก 2 ปี เหตุมีเงินเพียงพอขยายธุรกิจ

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทจะเติบโตต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่มีการเติบโต 22.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 3/55 เป็นช่วงโลว์ซีซัน และราคาสินค้าเกษตรมีการปรับต้วลง เช่น ยาง ข้าว ฯลฯ ประกอบกับเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ดี ทำให้ส่งออกของไทยไม่ดี ทำให้มีผลต่อจิตวิทยาของประชาชนทำให้มีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

ดังนั้น ทำให้กำลังซื้อสินค้ามีการลดลงไม่ดีเท่ากับช่วงครึ่งปีแรก แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อยอดขายของริษัทไม่มากนัก จากยอดขายในต่างจังหวัดยังคงดีอยู่ แต่ที่มีผลกระทบมาก คือ ยอดขายในกรุงเทพฯ และปริมลฑล จากการแข่งขันที่สูง และประชาชนตอบรับข่าวร้ายมากกว่าคนในต่างจังหวัด แต่ส่วนตัวเชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4/55 หากน้ำไม่ท่วมเชื่อว่าการใช้จ่ายของประชาชนมากขึ้น ทำให้บริษัทเชื่อว่ายอดขายทั้งปีนี้จะโตเพิ่มขึ้น 22% จาก ปี 2554 ที่มียอดขาย 17,630.13 ล้านบาท โดยสาขาเดิมมียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7-8% ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายแล้วจำนวน 10,075 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท

“ผลประกอบการครึ่งปีแรก 55 ของบริษัทเติบโตดีมาก จากที่ไตรมาส 1/55 มีการใช้จ่ายฟื้นตัวหลังจากท่วมในช่วงปลายปี มีวันหยุดเยอะ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังกำลังซื้อยังดีแต่ดีไม่เท่าครึ่งปีแรก จากไตรมาส 3 เป็นช่วงโลว์ซีซัน ราคาพืชผลต่ำลง เศรษฐกิจต่างประเทศ ส่งออกไม่ดี ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการใช้จ่ายของประชาชน“ นายปรีชากล่าว

สำหรับแผนการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในช่วงปีหน้า แต่การลงทุนในต่างประเทศนั้นบริษัทถือว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ออกไป เพราะในประเทศไทยนั้นบริษัทยังสามารถเติบโตได้สูง แต่บริษัทไม่ปิดกั้นหากมีโอกาสในการทำธุรกิจ และจากที่มีการเปิดประชาคมอาเซียนนั้น บริษัทมีความพร้อมในการแข่งขัน

นายปรีชา กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือปีนี้บริษัทจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา โดยเปิดที่สุราษฎร์ธานี และบางแคในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนลำปางเปิดในเดือนพฤศจิกายน ทำให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีสาขารวมเป็น 30 สาขา ส่วนปีหน้าบริษัทจะมีการเปิดสาขาอีก 5 สาขา คือ กาญจนบุรี อุบลราชธานี สกลนคร ในช่วงไตรมาส 1/2556 ส่วนอกี 2 สาขา จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยขณะอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต จากที่จะสร้างเป็นแบบไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ จาก 3 สาขาแรก เป็นแบบ Shopping Mall

ทั้งนี้ การขยายสาขาของบริษัทจะใช้เงินลงทุนสาขาละ 500-1,000 ล้านบาท โดยเงินลงทุนนั้นมาจากกระแสเงินสดของบริษัท โดยปัจจุบัน บริษัทมีกระแสเงินสดอยู่จำนวน 2,000 ล้านบาท และในแต่ละปีบริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาปีละ 3,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีเงินเพียงพอในการขยายธุรกิจในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยที่ไม่ต้องมีการระดมทุนเพิ่ม
กำลังโหลดความคิดเห็น