GUNKUL ส่งสัญญาณภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตไม่น้อยหน้าครึ่งปีแรก เพราะดีมานด์เพิ่ม แถมจ่อคิวรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานทดแทน “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” เผยเดินหน้าลุยประมูลงานเพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท ต่อยอดงานในมือที่มีอยู่กว่า 1,300 ล้านบาท มั่นใจปั๊มผลงานปีนี้โตตามเป้า 4,300 ล้านบาท
น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่าน่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากความต้องการในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศยังขยายตัวได้อีกมาก ประกอบกับในครึ่งปีหลังนี้บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานเพิ่มอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ 1,350 ล้านบาท ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมปี 55 จะเติบโตได้ตามเป้าที่ 4,300 ล้านบาท หรือเติบโต 50-60% เมื่อเทีบกับปีก่อนได้
“จากภาพรวมอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าที่ยังขับเคลื่อนได้ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บวกกับการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ทำให้ GUNKUL ได้รับอานิสงส์จากการมีรายได้ในการจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ตามไปด้วย จึงมั่นใจว่า รายได้รวมปีนี้น่าจะเติบโตตามเป้าที่ 4,300 ล้านบาทได้” น.ส.โศภชากล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 บริษัทกำไรสุทธิได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยอยู่ที่ 504.71 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 110.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 394.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 358.07% ขณะที่กำไรไตรมาส 2/2555 ของบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.42 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 57.14 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 103.55%
สาเหตุที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นผลมาจากกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 2,556.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 1,095.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,460.32 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 133.26 เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการรับเหมางานก่อสร้างจำนวน 1,143.90 ล้านบาท อีกทั้งมีรายได้จากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท จี-พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด จำนวน 416.22 ล้านบาท (ทั้งนี้ ได้รวมผลกำไรส่วนที่เกิดจากการรับรู้มูลค่าเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าวด้วยมูลค่ายุติธรรม ณ วันที่โอนจำหน่ายเงินลงทุนให้แก่ผู้ร่วมทุน และขาดซึ่งอำนาจในการควบคุม จำนวน 97.01 ล้านบาทแล้ว)
น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่าน่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากความต้องการในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศยังขยายตัวได้อีกมาก ประกอบกับในครึ่งปีหลังนี้บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานเพิ่มอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ 1,350 ล้านบาท ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมปี 55 จะเติบโตได้ตามเป้าที่ 4,300 ล้านบาท หรือเติบโต 50-60% เมื่อเทีบกับปีก่อนได้
“จากภาพรวมอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าที่ยังขับเคลื่อนได้ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บวกกับการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ทำให้ GUNKUL ได้รับอานิสงส์จากการมีรายได้ในการจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ตามไปด้วย จึงมั่นใจว่า รายได้รวมปีนี้น่าจะเติบโตตามเป้าที่ 4,300 ล้านบาทได้” น.ส.โศภชากล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 บริษัทกำไรสุทธิได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยอยู่ที่ 504.71 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 110.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 394.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 358.07% ขณะที่กำไรไตรมาส 2/2555 ของบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.42 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 57.14 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 103.55%
สาเหตุที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นผลมาจากกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 2,556.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 1,095.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,460.32 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 133.26 เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการรับเหมางานก่อสร้างจำนวน 1,143.90 ล้านบาท อีกทั้งมีรายได้จากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท จี-พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด จำนวน 416.22 ล้านบาท (ทั้งนี้ ได้รวมผลกำไรส่วนที่เกิดจากการรับรู้มูลค่าเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าวด้วยมูลค่ายุติธรรม ณ วันที่โอนจำหน่ายเงินลงทุนให้แก่ผู้ร่วมทุน และขาดซึ่งอำนาจในการควบคุม จำนวน 97.01 ล้านบาทแล้ว)