xs
xsm
sm
md
lg

BJC อุบไต๋ “เสี่ยเจริญ” เก็บหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ไม่ปริปาก “เจริญ สิริวัฒนภักดี-วรรณา สิริวัฒนภักดี” ควักเงินคนละเกือบ 400 ล้านบาท เก็บหุ้นเพิ่มคนละ 10 ล้านหุ้น ราคา 39.50 บาทต่อหุ้น “ผู้บริหาร” เผยอาจไม่ชนะประมูลซื้อ-บริหารร้านร้านแฟมิลี่มาร์ท เหตุยังมือใหม่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ

จากข้อมูลและรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้มีการซื้อหุ้น บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC จำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 39.50 บาท มูลค่า 395 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อผ่านซื้อผ่าน Ever Best Enterpries Ltd. และนางวรรณา สิริวัฒนภักดี ได้มีการซื้อหุ้น BJC จำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 39.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นการซื้อผ่านซื้อผ่าน Ever Best Enterpries Ltd.

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่ได้รับการสอบถามจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 47 บาท ในวันที่ 24 สิงหาคม จากต้นเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 40 บาทต่อหุ้น และนายอัศวินไม่ได้ตอบคำถามถึงสาเหตุการซื้อหุ้น BJC เพิ่มของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี และนางวรรณา สิริวัฒนภักดี

สำหรับความคืบหน้าการประมูลซื้อ และบริหารร้านร้านแฟมิลี่มาร์ทในประเทศไทย นั้น บริษัทคงจะไม่ชนะการประมูล เนื่องจากบริษัทยังมีจุดอ่อนในเรื่องการขาดประสบการณ์ทางด้านบริหารร้านค้าสะดวกซื้อ แม้บริษัทจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่มียอดขายระดับ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี

“ยากที่เราจะชนะได้ เพราะเป็นน้องใหม่ในธุรกิจนี้ ซึ่งมีหลายปัจจัยเวลาที่เขาจะเลือกคู่ แต่บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจค้าปลีกอยู่เพราะจะทำให้บริษัทมีความมั่นคง และครบวงจรในการทำธุรกิจ โดยมองว่าการเป็นเพียงซัปพลายเออร์นั้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเวลานำสินค้าไปวางจำหน่าย หรือแม้แต่การจัดโปรโมชันก็ต้องแบ่งให้แก่ร้านค้า” นายอัศวินกล่าว

ทั้งนี้ การที่จะมีร้านค้าเองยังเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความสนใจอยู่ แต่ยอมรับว่าเปิดเองเป็นเรื่องยาก แต่แผนขณะนี้คงจะทำในรูปแบบของร้านขายยาและเครื่องสำอาง ซึ่งเจรจากับเจ้าของแบรนด์ในอเมริกา ญี่ปุ่นถึงความร่วมมือระหว่างกันอยู่ คาดว่าเบื้องต้นจะเปิด 5-10 สาขา ส่วนข่าวที่ว่า BJC จะไปซื้อแม็คโคร ประเทศไทยนั้นไม่เป็นความจริง

นายอัศวิน กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการศูนย์กระจายสินค้าในประเทศเวียดนาม มูลค่า 1-3 พันล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้ BJC เป็นศูนย์กระจายสินค้าทางด้านอุปโภคบริโภคที่มีขนาดใหญ่อันดับ 1 ในประเทศเวียดนาม และจะดันให้รายได้จากเวียดนามขยับขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาทต่อปี จาก 2,000 ล้านบาท ในระดับปัจจุบัน

ทั้งนี้ บริษัทยังคงคาดว่ายอดขายปีนี้จะโตประมาณ 15% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 3.12 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังมีความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลก และอเมริกายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อรายได้ของคนไทยในฐานะที่ไทยเป็นประเทศอาศัยการส่งออก และท่องเที่ยวได้ ทำให้บริษัทมีการประมาณการแบบระมัดระวัง โดยครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขาย 1.82 หมื่นล้านบาท โต 19.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน


กำลังโหลดความคิดเห็น