เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ เผยรายได้รวมปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน จากเดิมคาดโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.8 หมื่นล้านบาท เหตุจากผลกระทบปัญหาเศรษฐกิจโลก-ยุโรปชะลอตัว-ธุรกิจโซลาร์ไม่ดี ปรับลดวงเงินลงทุนปีนี้เหลือ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิม 25 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งเป้ากำไรสุทธิปีนี้สูงกว่าปีก่อน เหตุพยามควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน “ผู้บริหาร” คาดปีนี้ ผลประกอบการอาจไม่เติบโตจากปี 55
นายเฮ็นรี่ เซี่ยห์ ประธานบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า รายได้รวมปีนี้อาจจะใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้รวม 38,430 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะโต 5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้รายได้ไม่สามารถเติบโตได้ และในช่วงครึ่งปีหลัง ทิศทางการดำเนินงานไม่สามารถประมาณการได้ จากไม่รู้ว่าทิศทางเศรษฐกิจโลกข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ทำให้บริษัทต้องระมัดระวังในการคาดการณ์ผลประกอบการ ส่วนธุรกิจโซลาร์นั้น มีการเติบโตไม่มากนัก เพราะธุรกิจนี้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลของประเทศทำให้มีผู้ใช้พลังงานทดแทนไม่มาก ประกอบกับคู่แข่งมาก ทำให้ราคาปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นในเรื่องการควบคุมต้นทุน โดยเป็นเป้าหมายในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ที่จะควบคุมต้นทุนในเรื่องการวิจัยพัฒนาและควบคุมต้นทุนการขายให้อยู่ที่ 15% ซึ่งการที่การวิจัยและพัฒนาฯ นั้นจะช่วยทำให้บริษัทสามารถผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดได้ โดยบริษัทจะพยายาทให้ผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 20% อัตรากำไรสุทธิ (กรอสมาร์จิ้น) อย่างน้อย 25% และ ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายให้อยู่ที่ 15% เพื่อที่จะทำให้กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 10%
“ธุรกิจของบริษัทอาจจะไม่โตปีนี้ จากเราระมัดระวัง ซึ่งไม่ใช่ว่าบริษัทไม่อยากโต แต่เราไม่มั่นใจว่าที่ตั้งเป้าไว้จะทำได้ เพราะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ เราก็ต้องระมัดระวังการดำเนินธุรกิจ ดีกว่ามุ่งเน้นให้ธุรกิจเติบโตโดยไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะปัญหาเศรษฐกิจโลกนั้นคาดการณ์ได้ยาก แต่บริษัทจะพยายาม แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปและยอดขายที่บริษัทส่งไปยุโรปไม่ได้กระทบยังคงอยู่ที่ 40% ไม่ลดลง เพราะ
ยอดขายไปที่ยุโรปนั้นจากลูกค้าซื้อไปขายต่อ” นายเฮ็นรี่กล่าว
สำหรับรายได้รวมปีนี้ถือว่าอยู่ในระดับดี อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ครึ่งหนึ่งของรายได้รวมปีก่อนที่อยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยเชื่อว่าทั้งปีนี้จะใกล้เคียงเท่ากับปีก่อน หรือมากกว่าเล็กน้อย แต่บริษัทก็จะพยายามที่จะทำให้กำไรสุทธิปีนี้สูงกว่าปีก่อนที่ 2,800 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกปีนี้อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท แม้จะยาก แต่บริษัทจะหันมาปรับปรุงการบริหารงาน และควบคุมต้นทุน
นายเฮ็นรี่ กล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับลดเงินลงทุนปีนี้เหลือ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่ตั้งเป้าจะลงทุนไว้ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้มีการชะลอแผนลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอินเดียออกไปก่อน จนถึงการเลือกตั้งใหม่ในปี 57 เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยอดขายในอินเดียเติบโตไม่มากนัก แต่รายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และเทเลคอมยังเป็นตัวหลักในการผลักดันยอดขายบริษัท โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 40-45% ของรายได้รวม จากที่มีอัตราการทำกำไรที่ดี ราคาไม่ปรับตัวลดลง
นายเฮ็นรี่ เซี่ยห์ ประธานบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า รายได้รวมปีนี้อาจจะใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้รวม 38,430 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะโต 5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้รายได้ไม่สามารถเติบโตได้ และในช่วงครึ่งปีหลัง ทิศทางการดำเนินงานไม่สามารถประมาณการได้ จากไม่รู้ว่าทิศทางเศรษฐกิจโลกข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ทำให้บริษัทต้องระมัดระวังในการคาดการณ์ผลประกอบการ ส่วนธุรกิจโซลาร์นั้น มีการเติบโตไม่มากนัก เพราะธุรกิจนี้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลของประเทศทำให้มีผู้ใช้พลังงานทดแทนไม่มาก ประกอบกับคู่แข่งมาก ทำให้ราคาปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นในเรื่องการควบคุมต้นทุน โดยเป็นเป้าหมายในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ที่จะควบคุมต้นทุนในเรื่องการวิจัยพัฒนาและควบคุมต้นทุนการขายให้อยู่ที่ 15% ซึ่งการที่การวิจัยและพัฒนาฯ นั้นจะช่วยทำให้บริษัทสามารถผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดได้ โดยบริษัทจะพยายาทให้ผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 20% อัตรากำไรสุทธิ (กรอสมาร์จิ้น) อย่างน้อย 25% และ ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายให้อยู่ที่ 15% เพื่อที่จะทำให้กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 10%
“ธุรกิจของบริษัทอาจจะไม่โตปีนี้ จากเราระมัดระวัง ซึ่งไม่ใช่ว่าบริษัทไม่อยากโต แต่เราไม่มั่นใจว่าที่ตั้งเป้าไว้จะทำได้ เพราะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ เราก็ต้องระมัดระวังการดำเนินธุรกิจ ดีกว่ามุ่งเน้นให้ธุรกิจเติบโตโดยไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะปัญหาเศรษฐกิจโลกนั้นคาดการณ์ได้ยาก แต่บริษัทจะพยายาม แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปและยอดขายที่บริษัทส่งไปยุโรปไม่ได้กระทบยังคงอยู่ที่ 40% ไม่ลดลง เพราะ
ยอดขายไปที่ยุโรปนั้นจากลูกค้าซื้อไปขายต่อ” นายเฮ็นรี่กล่าว
สำหรับรายได้รวมปีนี้ถือว่าอยู่ในระดับดี อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ครึ่งหนึ่งของรายได้รวมปีก่อนที่อยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยเชื่อว่าทั้งปีนี้จะใกล้เคียงเท่ากับปีก่อน หรือมากกว่าเล็กน้อย แต่บริษัทก็จะพยายามที่จะทำให้กำไรสุทธิปีนี้สูงกว่าปีก่อนที่ 2,800 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกปีนี้อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท แม้จะยาก แต่บริษัทจะหันมาปรับปรุงการบริหารงาน และควบคุมต้นทุน
นายเฮ็นรี่ กล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับลดเงินลงทุนปีนี้เหลือ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่ตั้งเป้าจะลงทุนไว้ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้มีการชะลอแผนลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอินเดียออกไปก่อน จนถึงการเลือกตั้งใหม่ในปี 57 เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยอดขายในอินเดียเติบโตไม่มากนัก แต่รายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และเทเลคอมยังเป็นตัวหลักในการผลักดันยอดขายบริษัท โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 40-45% ของรายได้รวม จากที่มีอัตราการทำกำไรที่ดี ราคาไม่ปรับตัวลดลง
