“พรีเชียส ชิพปิ้ง” เผย ไตรมาส 3 ค่าระวางเรือปรับตัวลดลง เหตุเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่ฟื้นตัวในไตรมาส 4/55 คงเป้าค่าระวางเรือปีนี้ 7.15 พันเหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำ ด้าน “ผู้บริหาร” เชื่อปี 57 ธุรกิจฟื้นตัว เตรียมแผนเพิ่มขนาดกองเรือเป็น 60-65 ลำ จากปัจจุบัน มี 30 ลำ
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/55 คาดว่า ค่าระวางเรือจะมีการปรับตัวลดลงจากในช่วงไตรมาส 2/55 ที่อยู่ที่เฉลี่ย 9,130 เหรียญต่อลำต่อวัน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจเดินเทกอง และปริมาณเรือนั้นยังสูงกว่าคามต้องการใช้เรือในการขนส่งสินค้า ประกอบกับ ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยบริษัทคาดว่า ธุรกิจเดินเรือจะยังไม่ดีในช่วงปีนี้ และปีหน้า แต่คาดว่าปี 2557 ธุรกิจเดินเรือจะกลับมาดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะมีการซื้อเรือเพิ่ม โดยมีเป้าหมายจะมีเรือจำนวน 60-65 ลำในปี 2557 จากปัจจุบัน ที่มีอย่จำนวน 30 ลำ ซึ่งในปีนี้ บริษัทจะมีการรับมอบเรือขนาด 57,000 เดทเวทตัน จำนวน 4 ลำ จากประเทศจีน และบริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือมือสองอีกประมาณ 15-20 ลำ ขณะที่ในไตรมาสแรก ปี 2556 บริษัทจะได้รับมองเรือต่อใหม่ ขนาด 34,000 เดทเวทตัน จำนวน 2 ลำ จากอู่ต่อเรือ ABG และคาดว่จะได้รับมอบเรือต่อในไม่ขนาด 34,000 เดทเวทตันอีก 1 ลำ จากอยู่ต่อเรือ ABG
นอกจากนี้ อีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทจะได้รับมอบเรือขนส่งสินค้าแบบเทกองจำนวน 10 ลำ และเรือขนส่งซีเมนต์อีก 3 ลำ ที่จะได้รับมอบจากอู่ต่อเรือ ABG โดยจะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในแผนปรับลดอายุกองเรือ ด้วยการมีเรือประมาณ 65 ลำ โดยอายุเฉลี่ยเป็นเลขหลักเดียว และขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 30,000 เดทเวทตัน
“ค่าระวางเรือในปี 55-56 นับว่าตกต่ำสุดของอุตสาหกรรมเรือเทกอง แม้จีนจะมีการนำเข้าถ่านหินมากขึ้น แต่จำนวนเรือในอุตสาหกรรมมีอยู่เป็นจำนวนมากเกินความต้องการ ทำให้ซัปพลายกับดีมานด์ไม่สมดุลกัน ประกอบกับสต๊อกเหล็กของจีนยังมีอยู่สูง จึงยังไม่มีการขนส่งมากนัก แต่เชื่อว่าในปี 57 ธุรกิจเดินเรือดีขึ้นโดยบริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือเพิ่ม โดยมีเป้าหมายจะมีกองเรือจำนวน 60-65 ลำ” นายคาลิคกล่าว
นายคาลิด กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายค่าระวางเรือปีนี้เฉลี่ยที่ 7,150 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน โดยจะไม่มีการปรับประมาณการ แม้ในช่วงครึ่งปีแรกค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ 8,747 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน เนื่องจากประเมินได้ยากว่าทิศทางค่าระวางเรือจะเป็นอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะปัจจัยที่เข้ามากระทบนั้น ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ซึ่งไตรมาส 3/55 ไม่ดี แต่ก็จะมีการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/55
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/55 คาดว่า ค่าระวางเรือจะมีการปรับตัวลดลงจากในช่วงไตรมาส 2/55 ที่อยู่ที่เฉลี่ย 9,130 เหรียญต่อลำต่อวัน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจเดินเทกอง และปริมาณเรือนั้นยังสูงกว่าคามต้องการใช้เรือในการขนส่งสินค้า ประกอบกับ ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยบริษัทคาดว่า ธุรกิจเดินเรือจะยังไม่ดีในช่วงปีนี้ และปีหน้า แต่คาดว่าปี 2557 ธุรกิจเดินเรือจะกลับมาดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะมีการซื้อเรือเพิ่ม โดยมีเป้าหมายจะมีเรือจำนวน 60-65 ลำในปี 2557 จากปัจจุบัน ที่มีอย่จำนวน 30 ลำ ซึ่งในปีนี้ บริษัทจะมีการรับมอบเรือขนาด 57,000 เดทเวทตัน จำนวน 4 ลำ จากประเทศจีน และบริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือมือสองอีกประมาณ 15-20 ลำ ขณะที่ในไตรมาสแรก ปี 2556 บริษัทจะได้รับมองเรือต่อใหม่ ขนาด 34,000 เดทเวทตัน จำนวน 2 ลำ จากอู่ต่อเรือ ABG และคาดว่จะได้รับมอบเรือต่อในไม่ขนาด 34,000 เดทเวทตันอีก 1 ลำ จากอยู่ต่อเรือ ABG
นอกจากนี้ อีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทจะได้รับมอบเรือขนส่งสินค้าแบบเทกองจำนวน 10 ลำ และเรือขนส่งซีเมนต์อีก 3 ลำ ที่จะได้รับมอบจากอู่ต่อเรือ ABG โดยจะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในแผนปรับลดอายุกองเรือ ด้วยการมีเรือประมาณ 65 ลำ โดยอายุเฉลี่ยเป็นเลขหลักเดียว และขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 30,000 เดทเวทตัน
“ค่าระวางเรือในปี 55-56 นับว่าตกต่ำสุดของอุตสาหกรรมเรือเทกอง แม้จีนจะมีการนำเข้าถ่านหินมากขึ้น แต่จำนวนเรือในอุตสาหกรรมมีอยู่เป็นจำนวนมากเกินความต้องการ ทำให้ซัปพลายกับดีมานด์ไม่สมดุลกัน ประกอบกับสต๊อกเหล็กของจีนยังมีอยู่สูง จึงยังไม่มีการขนส่งมากนัก แต่เชื่อว่าในปี 57 ธุรกิจเดินเรือดีขึ้นโดยบริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือเพิ่ม โดยมีเป้าหมายจะมีกองเรือจำนวน 60-65 ลำ” นายคาลิคกล่าว
นายคาลิด กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายค่าระวางเรือปีนี้เฉลี่ยที่ 7,150 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน โดยจะไม่มีการปรับประมาณการ แม้ในช่วงครึ่งปีแรกค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ 8,747 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน เนื่องจากประเมินได้ยากว่าทิศทางค่าระวางเรือจะเป็นอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะปัจจัยที่เข้ามากระทบนั้น ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ซึ่งไตรมาส 3/55 ไม่ดี แต่ก็จะมีการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/55