เจ้าสัว “ซีพี” แนะรัฐใช้ภาคการเกษตรเป็นหัวหอกสำคัญเพิ่มรายได้ให้ประเทศ ย้ำทฤษฎี 3 สูง ยกระดับประเทศ เพิ่มรายได้รวมในทุกระดับ เพื่อลดปัญหาคอร์รัปชัน “บัณฑูร” มอง กม.ไทย มีช่องโหว่ เอื้อให้โกยผลประโยชน์ พร้อมระบุ 3 ปัญหาโครงสร้าง ถ่วงการเติบโต
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวในงานสัมมนา ในวาระครบรอบ 20 ปี แห่งการก่อตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) วานนี้ โดยระบุว่า เพื่อเป็นการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการพัฒนาด้านการเกษตรให้มากขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลควรมุ่งเจาะไปที่การพัฒนาชลประทาน ซึ่งควรใช้งบประมาณจากแผนการกู้เงินของรัฐบาล วงเงิน 2 ล้านล้านบาท มาพัฒนาในพื้นที่การเกษตร 24 ล้านไร่ จากพื้นที่ทางการเกษตรทั่วประเทศ 33 ล้านไร่ เพราะเชื่อว่า ภาคการเกษตรจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเพิ่มขึ้น และชักชวนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนร่วมด้านภาคการเกษตรให้มากขึ้น รวมทั้งรัฐบาลควรลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 17% เพื่อจูงใจให้ต่างชาติหันมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลควรดำเนินนโยบายตามทฤษฎี 3 สูง คือ ค่าแรงสูงขึ้น ราคาสินค้าสูงขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพและสวัสดิการใหัแก่ประชาชนทุกระดับให้สูงขึ้น เพื่อยกระดับประเทศไทยให้ดีขึ้น ซึ่งจะสามารถลดปัญหาคอร์รัปชันในวงราชการได้
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ “Building world class corporations through Globalization of Capital Markets” โดยมองว่า รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหายืดเยื้อ 3 ด้านที่ไม่เคยแก้ไขได้ตลอด 20 ปีถึงปัจจุบัน ได้แก่ โครงสร้างการศึกษา โครงสร้างระบบคมนาคม และกฎหมายที่ล้าหลัง เพื่อต้อนรับการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาประเทศ
ทั้งนี้ ความไม่ชัดเจนของกฎหมาย ทำให้เกิดช่องว่าง และเป็นผลให้หลายฝ่ายนำทุนสามานย์มาใช้เป็นทุนระยะสั้นมาแสวงหาผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวมากขึ้น โดยไม่มองผลประโยชน์หรือความเสียหายของประเทศในระยะยาว
