xs
xsm
sm
md
lg

ทีวีไดเร็ค โรดโชว์ก่อนเปิดจอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.ฟินันเซีย ไซรัส เตรียมพา “ทีวี ไดเร็ค” โรดโชว์ขายหุ้นไอพีโอ 3 จังหวัด เปิดจองซื้อกลางเดือน ส.ค. เข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอภายใน ส.ค. “สมภพ” มั่นใจนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก เหตุการเติบโตรายได้สูง-ภาวะตลาดดี และหุ้นเข้าตลาดเอ็มเอไอมักให้ผลตอบแทนสูง ด้านผู้บริหารแจง รายได้ปีนี้โตไม่ถึง 20% จากปีก่อน 1.9 พันล้านบาท เหตุลงทุนปรับปรุงภายในบริษัท

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำในการเสนอขายหุ้นบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะพาบริษัททีวี ได เร็ค ไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์ ) การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) แก่นักลงทุน ใน 3 จังหวัด เริ่มที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ วันที่ 31 กรกฎาคม ที่จังหวัดเชียงใหม่ และวันที่ 6 สิงหาคม ที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

โดยบริษัทคาดว่า จะกำหนดราคาเสนอขายหุ้นประมาณต้นเดือนสิงหาคม และเปิดจองซื้อหุ้นในกลางเดือนเดียวกัน หลังจากนั้น ก็เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ภายในเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าหุ้นของ ทีวี ไดเร็ค จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาจองซื้อจำนวนมาก จากที่เป็นหุ้นที่มอัตรากการเติบโตของรายได้ที่สูง เฉลี่ยในช่วง ปี 2552-2554 ประมาณ 42% จากเป็นผู้นำในธุรกิจจำหน่ายสินค้า และบริการผ่านช่องทางการตลาดหลายช่องทางประกอบกับภาวะตลาดในช่วงนี้ค่อนข้างดีพอสมควร และหุ้นที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ให้ผลตอบแทนสูงมากทุกตัว และบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอัตราไม่น้อยกว่า 55% ของกำไรสุทธิ แต่ที่ผ่านมา จ่ายอัตรา 70% ของกำไรสุทธิ โดยการเสอขายหุนครั้งนี้ จะจัดสรรให้นักลงทุนบุคคลทั่วไป เพียงจำนวน 52 ล้านหุ้น และอีก 5.92 ล้านหุ้นเสนอขายแก่พนักงาน กรรมการของบริษัท และผู้มีอุปการคุณของบริษัท

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD กล่าวว่า บริษัทนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ 50% ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และที่เหลือใช้ไปลงทุนในบริษัท ทีวี ไดเร็ค อินโดไชน่า ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุน บริษัท ทีวี ไดเร็ค ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% จากที่จะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 40-50 ล้านบาท ในประเทศกัมพูชา ลาว และมาเลเซีย ซึ่ง 3 ประเทศดังกล่าว ได้มีการตั้งสำนักงานแล้ว และล่าสุด กำลังลงทุนที่ในประเทศเวียดนาม และอนาคตมองว่า จะไปลงุนที่สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตไม่ถึง 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,905.99 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 35.44 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานในการเตรียมพร้อมในการเข้าจดทะเบียน ลงทุน ระบบไอทีใหม่ ฯลฯ โดยในช่วงไตรมาส1/55 บริษัทมีรายได้ 500 ล้านบาท แต่บริษัทมองว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีรายได้เติบโตปีละ 20%

“บริษัทที่เข้าจดทะเบียนครั้งนี้ นอกจากต้องการเงินทุนแล้ว ยังต้องการที่จะได้ภาพลักษณ์ที่ดี ว่าบริษัทมีการดำเนินงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งปัจจุบัน มีอยู่จำนวน 1.3 ล้านคน และบริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ รองรับการเปิดเออีซี” นายทรงพลกล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น