xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต. แนะรัฐบาลเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมดึง “เอสเอ็มอี” ออกหุ้นกู้บุกตลาดอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วรพล โสคติยานุรักษ์
เลขาธิการ ก.ล.ต. แนะรัฐบาลเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับ “เออีซี” เชื่อมการค้า “จีน-อินเดีย” พร้อมมดึง “เอสเอ็มอี” ออกหุ้นกู้บุกตลาดอาเซียน โดยเข้าโครงการจัดอันดับเครดิต และลดค่าธรรมเนียม ปลื้มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 8 ประเภท มีผู้สนใจแห่ยื่นแบบลงทุนเพียบ “จรัมพร” เดินหน้า “อาเซียนลิงก์” เสริมแกร่ง บจ.ไทย

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในขณะนี้ ประเทศไทยต้องเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 และเชื่อมโยงการค้ากับประเทศจีน และอินเดีย ที่เศรษฐกิจยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้ออกเกณฑ์การลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนทางการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 8 ประเภท ซึ่งแต่ละโครงการ จะต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ล่าสุด ได้มีทั้งภาคเอกชนรายใหญ่ และผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) สนใจยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องทั้งหมดยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

“เรื่องกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขณะนี้ ได้มีผู้ประกอบการหลายรายสนใจตั้งกองทุนขึ้นมา เพื่อระดมทุนจากประชาชนเข้าไปร่วมลงทุนก่อสร้าง 8 ประเภท เช่น ระบบถนน ระบบราง ระบบโรงไฟฟ้า ระบบน้ำ ทั้งการเกษตรและอุตสาหกรรม สนามบิน ท่าเรือ ด้านคมนาคมและพลังงานทางเลือก เมื่อไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมจะเป็นแรงดึงดูดต่อการลงทุนของต่างชาติ”

นายวรพล ยังกล่าวในงานสัมมนา “โอกาสทองการลงทุนในพม่า” โดยย้ำว่า เพื่อให้พื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทย มีความเข้มแข็งต้องสนับสนุนให้เอสเอ็มอี มีขนาดเกินร้อยละ 50 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) และเพื่อให้เอสเอ็มอีไทยขยายการลงทุนไปตลาดอาเซียน ก.ล.ต.จึงเตรียมประกาศให้เอสเอ็มอีเข้าโครงการจัดอันดับเครดิต และลดค่าธรรมเนียม โดยกำหนดให้เอสเอ็มอีมีทรัพย์สิน 2,000 ล้านบาท สามารถออกหุ้นกู้ระดมทุนเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชน รวมถึงผ่อนปรนกฎเกณฑ์กองทุนร่วมลงทุน

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ขณะนี้ อาเซียนร่วมกันจัดตั้งอาเซียนลิงก์ เพื่อนำตลาดหุ้นในแถบอาเซียนรวมศูนย์ด้วยกัน จะทำให้มีหลักทรัพย์ถึง 3,700 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นตลาดหุ้นใหญ่อันดับ 8 ของโลก

เบื้องต้น มีการเชื่อมโยงเป็นรูปธรรมตลาดหุ้นสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ด้วยการจัดทำอาเซียนสตาร์ มีการนำ 30 หุ้นบริษัทขนาดใหญ่มาจัดทำดัชนีแต่ละประเทศ และมีการจัดอันดับ เพื่อให้นักลงทุนเข้าไปซื้อ

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาตลาดหุ้นในลาว เวียดนาม และพม่า ให้มีความพร้อมมากขึ้น และช่วงที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดใหญ่ของไทยได้ขยายการลงทุนไปลาว กัมพูชา พม่า จำนวนกว่า 160 บริษัท ขณะนี้ พม่าเปิดประเทศ และไทยมีชายแดนติดต่อกับพม่า จึงมีข้อได้เปรียบด้านการขนส่ง และคาดว่าในอนาคต พม่าจะมีเศรษฐกิจขยายตัวตัวเลข 2 หลัก เพราะเร่งพัฒนาหลายด้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น