ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศคงอันดับเครดิต 3 แบงก์ใหญ่ “กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย” ที่ระดับ BBB+ แนวโน้มมีเสถียรภาพจากความแข็งแกร่งทางการเงิน ความสามารถในการทำกำไร แต่จับตาดูอัตราการเติบโตที่รวดเร็วและการกระจุกตัวของสินเชื่อที่อาจส่งผลต่อคุณภาพสินทรัพย์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์เอกชนไทยขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โดยอันดับเครดิตสากลสกุลเงินตราต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency (LTFC) Issuer Default Rating (IDR) ของธนาคารทั้ง 3 แห่งได้รับการคงอันดับที่ “BBB+” และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ “AA(tha)” แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตสากลของทั้ง 3 ธนาคารมีปัจจัยสนับสนุนจากอันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating หรือ VR) ของตัวธนาคารเอง ซึ่งพิจารณาถึงระดับเงินกองทุนและความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับดี คุณภาพสินทรัพย์และสำรองหนี้สูญที่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และการมีเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ในประเทศที่แข็งแกร่ง ฟิทช์เชื่อว่าฐานะทางการเงินโดยรวมของธนาคารทั้ง 3 แห่งน่าจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของคุณภาพสินเชื่อได้ ซึ่งสะท้อนอยู่ในแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ส่วนอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากธนาคารมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ยั่งยืนในด้านความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ ในขณะที่สามารถรักษาเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้ อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยในระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากภาวะการดำเนินธุรกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวอ่อนแอลง
ในทางกลับกัน การปรับลดอันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงินและอันดับเครดิตสากล อาจเกิดขึ้นได้หากสินเชื่อมีการกระจุกตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในระดับที่อาจทำให้ระดับคุณภาพสินทรัพย์หรือสภาพคล่องมีการปรับตัวอ่อนแอลง การปรับลดเพดานอันดับเครดิต (Country Ceiling) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ “BBB+” อาจส่งผลให้อันดับเครดิตสากลของธนาคารถูกปรับลดอันดับลง เนื่องจากอันดับเครดิตสากลของธนาคารทั้ง 3 แห่งถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิต การที่ธนาคารมีการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลไทยในระดับที่ไม่สูงนัก และการที่มีการถือหุ้นโดยรัฐบาลในจำนวนที่จำกัด ส่งผลให้อันดับเครดิตของธนาคารอยู่ในระดับที่สูงกว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย แต่ไม่สูงกว่าเพดานอันดับเครดิต
ทั้งนี้ ในระยะปานกลางผลการดำเนินงานของธนาคารทั้ง 3 แห่งน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับระบบธนาคารพาณิชย์ในประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง ต้นทุนการระดมทุนที่ต่ำกว่า และการปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นของความสามารถในการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม (fee incomes)