“ประสาร” ประเมินแนวโน้ม ศก.ยุโรป กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย คาดกระทบการค้าไทย แต่อาจไม่รุนแรงมากนัก พร้อมจับตาวิกฤต “ยูโรโซน” อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมิน “จีดีพี” ในครั้งต่อไป
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัญหากรีซและยุโรปในขณะนี้ไม่น่าจะกระทบเศรษฐกิจไทย ทั้งในภาคตลาดการเงิน และสถาบันการเงินไทยมากนัก เนื่องจากสัดส่วนที่ไปเกี่ยวข้องดังกล่าวมีไม่มาก อย่างไรก็ตาม ปัญหาในกรีซและยุโรปทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันไปถือลงทุนในสินทรัพย์ที่คาดว่าจะปลอดภัย ซึ่งก็คือเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น และทำให้สกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
“ภาวะจากกรีซ และยุโรปเช่นนี้ จะกระทบการลงทุนในหุ้นและพันธบัตรที่นักลงทุนไทยไปลงทุนในยุโรปได้รับผลกระทบมากหรือไม่นั้น เรามองว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะแชร์ที่ไปลงทุน หรือส่วนที่สถาบันการเงินไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับยุโรปมันมีน้อย ถ้าจะกระทบก็เห็นจะกระทบในเรื่องการค้ากับต่างประเทศมากกว่า เพราะถ้าเศรษฐกิจยุโรปชะลอ การส่งออกไทยไปยุโรปคงชะลอไปด้วย เพราะความต้องการสินค้านำเข้าของยุโรปคงต้องลดลง”
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจกรีซ และยุโรปชะลอ ไม่น่าจะมีผลต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยมากนัก เพราะในการคาดการณ์การเติบโต ธปท. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยอยู่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปชะลอ และเข้าสู่ภาวะถดถอยมาหลายเดือนแล้ว เห็นได้จาก ธปท.คาดการณ์การเติบโตของภาคส่งออกปีนี้โตเพียงร้อยละ 7 ไม่ใช่เลขสองหลักเหมือนที่ผ่านมา ถือเป็นการมองในทางที่ลดลงมาตลอด ฉะนั้น ผลที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยตอนนี้คงไม่มากนัก แต่ต้องติดตามดูต่อไป เพราะการเมืองกรีซยังไม่เรียบร้อย ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้