ระวังฝรั่งจ้องเผ่น
ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์พลิกฟื้นขึ้นมาบวกอีกครั้ง แม้จะบวกเพียง 0.36 จุดก็ตาม แต่ก็ช่วยทำให้อารมณ์ความรู้สึกนักลงทุนผ่อนคลายขึ้น เพียงแต่การฟื้นตัวที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่สิ่งบ่งชี้ว่า การปรับฐานสิ้นสุดลงแล้ว และยังไม่ใช่สัญญาณว่าหุ้นจะกลับสู่ขาขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นทรุดตัวหนักและต่อเนื่อง ดัชนีรูดลงกว่า 50 จุด เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ระดับ 1,247 จุด เนื่องจากความวิตกกังวลในปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะวิกฤตการณ์หนี้ยุโรป นอกจากนั้น นักลงทุนต่างชาติยังหันมาเทขายอย่างหนัก โดยเมื่อวันศุกร์ยังขายอีก 1,130 ล้านบาท ขณะที่ข่าวดีใหม่ๆ ไม่มีเข้ามา และผลประกอบการไตรมาสแรกหุ้นกลุ่มต่างๆ ได้ซึมซับไปหมดแล้ว จึงไม่มีปัจจัยกระตุ้นการลงทุน รวมทั้งดัชนีที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยังเป็นแรงจูงใจให้เกิดการเทขายทำกำไรด้วย
สำหรับสถานการณ์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ยังไม่สดใสมากนัก โดยดาวโจนส์ลบ 34 จุด ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวเล็กน้อย ส่วนปัจจัยภายในยังไม่มีความเคลื่อนไหวในด้านบวก แต่มีปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตามากขึ้นคือ ความเคลื่อนไหวของต่างชาติ เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาถล่มขายกว่า 8,000 ล้านบาท เป็นสัญญาณว่าดัชนีระดับเกิน 1,200 จุดขึ้นไป ต่างชาติจ้องจังหวะขายแล้ว ดังนั้น หากดัชนีทะลุ 1,200 จุดขึ้นไปใหม่ ต่างชาติอาจขายอีก และคงจะไม่กลับมาซื้อหุ้นแถว 1,200 จุด เพราะเพิ่งขายออกมา ซึ่งหากตื่งชาติไม่ซื้อหุ้นคงขึ้นยาก แต่ถ้าขายหนักอีกหุ้นอาจลงต่อ
แม้ตลาดจะโงหัวขึ้นมาได้เมื่อวันศุกร์ แต่นักลงทุนยังต้องระมัดระวังอยู่ เพราะการปรับฐานอาจยังไม่เสร็จสิ้น และไม่ควรผลีผลามเข้าไปช้อนซื้อ เพราะคนที่รีบร้อนช้อนซื้อติดหุ้นกันไปแล้ว ทั้งที่สถานการณ์แปรปรวนขณะนี้ ควรจะรอคอยเฝ้าสังเกตการณ์มากกว่า เช่นเดียวกับต้นสัปดาห์หน้า กลยุทธ์ที่ดีคือการรอคอย เพราะถ้าใจเร็วช้อนซื้อจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติขายหุ้นได้ราคา และนักลงทุนรายย่อยต้องแบกรับหุ้นต้นทุนสูงแทนฝรั่ง
แนวโน้มตลาดยังไม่อาจคาดการณ์ได้ เพราะปัจจัยต่างๆ ยังไม่นิ่ง และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าการลงทุนช่วงนี้มีความเสี่ยง แต่หลายคนโดดเข้าไปเสี่ยง จนต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงไว้ ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต้องไม่วัดดวง หลีกเลี่ยงกิจกรรมในตลาดหุ้นชั่วคราว รอการปรับฐานให้สะเด็ดน้ำเสียก่อนจึงกลับเข้าตลาดใหม่
ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์พลิกฟื้นขึ้นมาบวกอีกครั้ง แม้จะบวกเพียง 0.36 จุดก็ตาม แต่ก็ช่วยทำให้อารมณ์ความรู้สึกนักลงทุนผ่อนคลายขึ้น เพียงแต่การฟื้นตัวที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่สิ่งบ่งชี้ว่า การปรับฐานสิ้นสุดลงแล้ว และยังไม่ใช่สัญญาณว่าหุ้นจะกลับสู่ขาขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นทรุดตัวหนักและต่อเนื่อง ดัชนีรูดลงกว่า 50 จุด เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ระดับ 1,247 จุด เนื่องจากความวิตกกังวลในปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะวิกฤตการณ์หนี้ยุโรป นอกจากนั้น นักลงทุนต่างชาติยังหันมาเทขายอย่างหนัก โดยเมื่อวันศุกร์ยังขายอีก 1,130 ล้านบาท ขณะที่ข่าวดีใหม่ๆ ไม่มีเข้ามา และผลประกอบการไตรมาสแรกหุ้นกลุ่มต่างๆ ได้ซึมซับไปหมดแล้ว จึงไม่มีปัจจัยกระตุ้นการลงทุน รวมทั้งดัชนีที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยังเป็นแรงจูงใจให้เกิดการเทขายทำกำไรด้วย
สำหรับสถานการณ์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ยังไม่สดใสมากนัก โดยดาวโจนส์ลบ 34 จุด ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวเล็กน้อย ส่วนปัจจัยภายในยังไม่มีความเคลื่อนไหวในด้านบวก แต่มีปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตามากขึ้นคือ ความเคลื่อนไหวของต่างชาติ เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาถล่มขายกว่า 8,000 ล้านบาท เป็นสัญญาณว่าดัชนีระดับเกิน 1,200 จุดขึ้นไป ต่างชาติจ้องจังหวะขายแล้ว ดังนั้น หากดัชนีทะลุ 1,200 จุดขึ้นไปใหม่ ต่างชาติอาจขายอีก และคงจะไม่กลับมาซื้อหุ้นแถว 1,200 จุด เพราะเพิ่งขายออกมา ซึ่งหากตื่งชาติไม่ซื้อหุ้นคงขึ้นยาก แต่ถ้าขายหนักอีกหุ้นอาจลงต่อ
แม้ตลาดจะโงหัวขึ้นมาได้เมื่อวันศุกร์ แต่นักลงทุนยังต้องระมัดระวังอยู่ เพราะการปรับฐานอาจยังไม่เสร็จสิ้น และไม่ควรผลีผลามเข้าไปช้อนซื้อ เพราะคนที่รีบร้อนช้อนซื้อติดหุ้นกันไปแล้ว ทั้งที่สถานการณ์แปรปรวนขณะนี้ ควรจะรอคอยเฝ้าสังเกตการณ์มากกว่า เช่นเดียวกับต้นสัปดาห์หน้า กลยุทธ์ที่ดีคือการรอคอย เพราะถ้าใจเร็วช้อนซื้อจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติขายหุ้นได้ราคา และนักลงทุนรายย่อยต้องแบกรับหุ้นต้นทุนสูงแทนฝรั่ง
แนวโน้มตลาดยังไม่อาจคาดการณ์ได้ เพราะปัจจัยต่างๆ ยังไม่นิ่ง และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าการลงทุนช่วงนี้มีความเสี่ยง แต่หลายคนโดดเข้าไปเสี่ยง จนต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงไว้ ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต้องไม่วัดดวง หลีกเลี่ยงกิจกรรมในตลาดหุ้นชั่วคราว รอการปรับฐานให้สะเด็ดน้ำเสียก่อนจึงกลับเข้าตลาดใหม่