คอลัมน์ Design your life By Mutualfund
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด
โทร 02-659-8888 กด 1 WWW.one-asset.com
เลือกลงทุนทองคำอย่างไร
นวัตกรรมการลงทุนในตลาดทองคำนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก โดยในปัจจุบันนั้นนักลงทุนเริ่มหันมาสนใจในการลงทุนทองคำผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมทองคำ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ หรืออีทีเอฟทองคำ
โจทย์ของการลงทุนในวันนี้จึงมีคำถามว่า นักลงทุนจะใช้ประโยชน์จากตราสารทางการเงินที่อ้างอิงทองคำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างไร
สำหรับประเด็นนี้ขอแยกประเด็นตามความสามารถของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท เริ่มด้วยกองทุนรวมทองคำ กองทุนประเภทนี้โดยส่วนใหญ่แล้วมักเป็นลักษณะของการซื้อตราสารทางการเงินในต่างประเทศ เช่น กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขายได้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กองทุนรวมทองคำประเภทนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ซื้อขายบ่อย และยอมรับได้ที่จะซื้อทองคำระหว่างวันแต่ได้ราคา ณ สิ้นวัน ซึ่งกองทุนประเภทนี้นักลงทุนสามารถเลือกได้ว่ากองทุนไหนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงิน (Hedging) หรือกองทุนไหนเลือกที่จะไม่ป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน (Unhedging)
ต่อไปเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ สำหรับสินค้าชนิดนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มีการซื้อขายเก็งกำไร ระยะสั้น หรืออาจจะเป็นนักลงทุนที่มีความต้องการที่จะบริหารพอร์ตโฟลิโอของตัวเองโดยใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในฐานะของเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging Instrument)
และสุดท้ายคืออีทีเอฟทองคำ หรือ Gold ETF โกลด์อีทีเอฟ นั้นถือว่าเป็นนวัตกรรมการลงทุนที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำผ่านตลาดหุ้นได้แบบ Real-Time ซึ่งนักลงทุนไม่ต้องเสียเวลาไปที่ร้านทอง แต่ก็สามารถซื้อขายทองคำแท่งได้จริง ๆ ตามราคาทองคำในตลาดโลก ที่มีการปรับค่าเงินเป็นเงินบาทแล้ว ตัวอย่างของกองทุนประเภทนี้ เช่น กองทุน Gold99 ซึ่งบริหารโดยบลจ.วรรณ นั้นเป็นกองทุนอีทีเอฟ ทองคำแท่งกองแรกของประเทศไทย ซึ่งเปิดทำการซื้อขายในตลาดหุ้นเมื่อปี 2011 นักลงทุนหุ้นที่มีพอร์ตของตัวเองอยู่แล้วสามารถซื้อขาย Gold99 ได้ทันทีตามเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์
ข้อดีที่นับว่าเป็นจุดเด่นของการมีอีทีเอฟทองคำแท่งแบบ Gold99 ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็คือ นักลงทุนสามารถทำการจัดสรรการลงทุน หรือ Asset Allocation ได้อย่างสะดวก ในภาวะที่ต้องการเปลี่ยนจากเงินสดเป็นหุ้น เปลี่ยนจากหุ้นเป็นทอง เป็นต้น
ลักษณะของสินค้าทางการเงินทั้ง 3 ชนิดนั้นมีจุดที่เหมือนและแตกต่างกัน ซึ่งในฐานะของนักลงทุนนั้นต้องหาจุดสมดุลของพอร์ตโฟลิโอตัวเองเพื่อปรับใช้สินค้าทางการเงินที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตัวเองให้มากที่สุด