xs
xsm
sm
md
lg

“โต้ง” สั่งลุยหนุนธุรกิจบริการดึงต่างชาติตั้งเฮดออฟฟิศในไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โต้ง” สั่งที่ปรึกษาด้านธุรกิจบริการ เร่งเครื่องศึกษาหนุนธุรกิจบริการทั้งระบบ ดันไทยนั่งศูนย์กลางธุรกิจอาเซียนภายในปี 58 ดึงบริษัทต่างชาติ ตั้งเฮดออฟฟิศในไทย เบียดแซงคู่แข่งขัน อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ประเดิมด้วยการพิจารณาอัตราภาษี การอำนวยความสะดวกนักลงทุน และแก้อุปสรรคผู้ประกอบการไทย

นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ด้านธุรกิจบริการ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายกิตติรัตน์ ให้วางแผนการดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมบริการของประเทศไทยทั้งระบบ เช่น สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล โรงแรม สวนสนุก ธุรกิจบันเทิง ฯลฯ เพื่อรองรับการแข่งขันภายหลังเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจในอาเซียน ภายในปี 2558 ซึ่งเข้าสู่ข้อตกลงการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน

โดยนายกิตติรัตน์ เห็นศักยภาพของธุรกิจบริการที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จากปัจจุบัน จีดีพีในธุรกิจบริการ มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของจีดีพีรวม ขณะที่อัตราการจ้างงานในธุรกิจบริการในธุรกิจบริการก็มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของการจ้างงานรวม ส่วนอุตสาหกรรมการผลิต แม้จะมีจีดีพีสูง แต่อัตราการจ้างงานต่ำ เนื่องจากมีการใช้เครื่องจักรมาช่วยการผลิต ส่วนภาคเกษตรจีดีพีต่ำ แต่การจ้างงานสูง

“คณะกรรมการจะศึกษาพร้อมวางแผน โดยเน้นแก้ปัญหา และข้อติดขัดในฟันเฟือง เพื่อให้กลไกการทำงานของธุรกิจเดินต่อไปได้สะดวก โดยการทำงานจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพากร บีโอไอ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงต่างประเทศ มาประชุมกันเป็นระยะ และรายงานตรงต่อรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งบางเรื่องอาจต้องขออนุมัติจากที่ประชุม ครม.โดยผลการทำงานจะเริ่มทยอยเป็นรูปธรรมเห็นได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เพื่อสนับสนุนการทำงานของผู้ประกอบการทั้งเชิงรุก และเชิงรับไปพร้อมกัน”

นายกงกฤช กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่กำลังดำเนินการ เช่น ศึกษาระบบโครงสร้างภาษี พร้อมสร้างแนวทางการลดภาษีทั้งนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา โดยจะศึกษาเปรียบเทียบกับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งประเทศดังกล่าวทั้งหมด มีการจัดเก็บภาษีที่ถูกกว่าประเทศไทย โดยเปรียบเทียบอัตราภาษีนิติบุคคล ระหว่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย แต่ละประเทศจัดเก็บในอัตราร้อยละ 17, 25 และ 30 ตามลำดับ ส่วนภาษีบุคคลธรรมดา แต่ละประเทศจัดเก็บในอัตราร้อยละ 20, 27 และ 37 ตามลำดับ

จากข้อมูลดังกล่าว จึงทำให้บริษัทต่างชาติเข้าไปตั้งเฮดออฟฟิศ (สำนักงานสาขาในภูมิภาค) กันจำนวนมาก ทั้งที่ด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้งของประเทศไทยมีศักยภาพมากกว่าทุกประเทศดังกล่าว แต่ที่ผ่านมา ขาดการพัฒนาและส่งเสริมอย่างเป็นระบบ นายกิตติรัตน์ จึงมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ เชิญชวนบริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งเฮดออฟฟิศ เพื่อดูแลธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ส่วนการลดภาษีบุคคลก็เพื่อดึงดูดเอ็กซ์แพทที่ทำงานในประเทศไทย

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของการหาแนวทางส่งเสริมสนับสนุนด้านเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการคนไทย เพื่อการลงทุนในประเทศ และออกไปลงทุนยังต่างประเทศ, การอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ด่านตรวจคนเข้าเมือง การติดต่อราชการ ขั้นตอนการจดทะเบียนธุรกิจ การดูแลสวัสดิภาพ ความปลอดภัยให้แก่นักลงทุน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะต้องทำเป็นระบบ และมีมาตรฐานระดับสากล

อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับแก้ไขการอำนวยความสะดวกนักธุรกิจ ด้วยการตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกในรูปแบบวันสต็อปเซอร์วิส
กำลังโหลดความคิดเห็น