ผู้ถือหุ้นเกียรตินาคินไฟเขียวร่วมกิจการทุนภัทร เผยขั้นตอนรอ ธปท.-ก.ล.ต.อนุมัติ ทำเทนเดอร์ และถอนออกจาก ตลท.เสร็จสิ้นในไตรมาส 3 นี้ ระบุเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม ยันไม่กระทบ ROE
วันนี้ (25 เม.ย.) ได้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)ประจำปี 2555 โดยผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติวาระต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนการร่วมกิจการระหว่างธนาคารเกียรตินาคิน และบริษัททุนภัทร รวมถึงการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 192 ล้านหุ้น เพื่อแลกเปลี่ยนหุ้นของทุนภัทรในอัตรา 1 หุ้นของทุนภัทรต่อ 0.9135 หุ้นของธนาคาร
โดยต่อจากนี้ ทั้งธนาคารเกียรตินาคิน และทุนภัทร จะดำเนินการขออนุมัติการเข้าร่วมกิจการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานดังกล่าวแล้ว ธนาคารจะเริ่มทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) หุ้นทุนภัทรได้ไตรมาส 2 เพื่อเพิกถอนหุ้นของบริษัททุนภัทรออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Delisting Tender Offer) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จไตรมาสที่ 3 นี้
ทั้งนี้ นายสุพล วัธนเวคิน ประธานกรรมการ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การร่วมกิจการกับทุนภัทรจะทำให้ธนาคารมีธุรกิจที่ครอบคลุมในด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น และจะทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมมีสัดส่วนที่เพิ่ม จากเดิมที่รายได้เกือบทั้งหมดจะเป็นรายได้จากดอกเบี้ย และการขายสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มช่องทางการหารายได้อีกทางหนึ่ง ขณะที่การเพิ่มจำนวนหุ้นก็จะไม่กระทบต่ออัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) เนื่องจากการร่วมกิจการดังกล่าวจะได้ประสิทธิผลด้านอื่นๆนอกเหนือจากผลกำไรของทั้ง 2 กิจการรวมกัน
“ธนาคารไม่ได้ตั้งเป้าจะเป็น Universall banking แต่ก็ต้องการที่จะมีธุรกิจที่ครอบคลุมรวมถึงด้านวาณิชธนกิจ ซึ่งถ้าจะให้มาเริ่มธุรกิจนับหนึ่งใหม่ก็คงจะไม่ทัน ขณะที่ทุนภัทรเองก็มีศักยภาพที่ดีอยู่แล้ว และหากมีการเปิด AEC ธนาคารก็จะได้รับประโยชน์จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินด้วย”
