กรุงไทยแจ้งไตรมาสแรกกำไรสุทธิ 6.3 พันล้าน โต 16% โดยสินเชื่อขยายตัวได้ 4.57% พร้อมกันสำรอง 1.5 พันล้าน ยันเงินกองทุนยังแข็งแกร่งเพียงต้องการขยายธุรกิจตามแผน ด้าน"เกียรตินาคิน"มีกำไรสุทธิ 577 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 7.5% จากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง พร้อมเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนการร่วมกิจการกับทุนภัทรในวันที่ 26 เมษายน นี้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTB) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/2555 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 6,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 692 จากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.18 จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดสินเชื่อ 1,488,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 จำนวน 65,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.57 และมียอดเงินฝาก 1,460,582 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175,193 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.63
ทางด้านอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์รวม (NIM) ปรับตัวดีขึ้นจากระดับร้อยละ 2.73 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.84 มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) จำนวน 64,647 ล้านบาท โดยสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพสุทธิ (Net NPL) ลดลงจากร้อยละ 2.25 ณ 31 ธันวาคม 2554 เหลือร้อยละ 2.19 ณ 31 มีนาคม 2555 และในไตรมาสแรกนี้ ธนาคารได้กันสำรองจำนวน 1,527 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 500 ล้านบาท มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับร้อยละ 13.08 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 8.50 ที่กำหนดโดยธปท. โดยธนาคารเชื่อว่า เงินกองทุนในระดับนี้ ทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่ง และสามารถขยายธุรกิจได้ตามแผน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2555 ธนาคารได้กันสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าจำนวน 1,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.86% จากไตรมาส 1 ปี 2554 โดยในไตรมาส 1 ปี 2555 ธนาคารได้กันสำรองหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญตามปกติจำนวน 500 ล้านบาท ต่อเดือน
**KKมั่นใจสินเชื่อทั้งปีโตตามเป้า**
นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 นี้ ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 577 ล้านบาท ลดลง 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 10% Ffpธนาคารและบริษัทย่อยมีการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง สินเชื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 7% ส่งผลให้ยอดสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 145,311 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 201,957 ล้านบาท มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 15.10% โดยเป็นเงินกองทุนในชั้นที่ 1 ถึง 14.40% ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เฉพาะธนาคารอยู่ที่ 3.5% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเท่ากับสิ้นปี 2554 ที่ 3.5% เช่นกัน
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินงานเพื่อร่วมกิจการและร่วมบริหารงานกับบริษัททุนภัทร จำกัด (มหาชน)นั้น การดำเนินงานขั้นต่อไปคือการขออนุมัติการร่วมกิจการจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2555 ของธนาคารในวันที่ 26 เมษายน 2555
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTB) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/2555 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 6,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 692 จากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.18 จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดสินเชื่อ 1,488,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 จำนวน 65,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.57 และมียอดเงินฝาก 1,460,582 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175,193 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.63
ทางด้านอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์รวม (NIM) ปรับตัวดีขึ้นจากระดับร้อยละ 2.73 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.84 มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) จำนวน 64,647 ล้านบาท โดยสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพสุทธิ (Net NPL) ลดลงจากร้อยละ 2.25 ณ 31 ธันวาคม 2554 เหลือร้อยละ 2.19 ณ 31 มีนาคม 2555 และในไตรมาสแรกนี้ ธนาคารได้กันสำรองจำนวน 1,527 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 500 ล้านบาท มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับร้อยละ 13.08 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 8.50 ที่กำหนดโดยธปท. โดยธนาคารเชื่อว่า เงินกองทุนในระดับนี้ ทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่ง และสามารถขยายธุรกิจได้ตามแผน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2555 ธนาคารได้กันสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าจำนวน 1,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.86% จากไตรมาส 1 ปี 2554 โดยในไตรมาส 1 ปี 2555 ธนาคารได้กันสำรองหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญตามปกติจำนวน 500 ล้านบาท ต่อเดือน
**KKมั่นใจสินเชื่อทั้งปีโตตามเป้า**
นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 นี้ ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 577 ล้านบาท ลดลง 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 10% Ffpธนาคารและบริษัทย่อยมีการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง สินเชื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 7% ส่งผลให้ยอดสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 145,311 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 201,957 ล้านบาท มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 15.10% โดยเป็นเงินกองทุนในชั้นที่ 1 ถึง 14.40% ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เฉพาะธนาคารอยู่ที่ 3.5% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเท่ากับสิ้นปี 2554 ที่ 3.5% เช่นกัน
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินงานเพื่อร่วมกิจการและร่วมบริหารงานกับบริษัททุนภัทร จำกัด (มหาชน)นั้น การดำเนินงานขั้นต่อไปคือการขออนุมัติการร่วมกิจการจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2555 ของธนาคารในวันที่ 26 เมษายน 2555