“เมย์แบงก์” ยอมรับสนทำธุรกิจแบงก์ในไทย ทั้งตั้งสาขาเอง หรือซื้อกิจการ แต่ยังไม่พบกิจการที่ถูกใจ ด้าน “เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์โต 12-13% หลังผุ้ถือหุ้นใหญ่ช่วยผลักดัน ล่าสุด ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,300 จุด
ดาโต๊ะ ศรี อับดุล วาฮิด โอมาร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร เมย์แบงก์ (มาเลเซีย) กล่าวว่า เมย์แบงก์ฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเข้ามาทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยภายในปี 2558 เพื่อขยายธุรกิจให้ครบวงจรในไทย และครอบคลุมอาเซียน โดยอาจจะเข้ามาจัดตั้งสาขา หรือซื้อกิจการธนาคารพาณิชย์ของไทย หลังจากเข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบกิจการที่น่าสนใจ
สำหรับ เมย์แบงก์ กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในมาเลเซีย มีเครือข่ายสาขามากกว่า 2,200 แห่งใน 17 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน ดารุสซาลาม เวียดนาม กัมพูชา ประเทศไทย ปาปัวนิวกินี ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน บาห์เรน อุซเบกิสถาน ปากีสถาน อินเดีย ซาอุดีอารเบีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ให้บริการ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารอิสลาม ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจให้บริการกู้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยตามหลักศาสนาอิสลาม และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโตกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ ประมาณ 3,200 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงขึ้น หลังจากธนาคาร เมย์แบงก์(มาเลเซีย) เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ซึ่งทำให้บริษัทมีการพัฒนาบริการทางการเงินครบวงจรยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนขยายธุรกิจในทุกด้าน ทั้งรายย่อย จะเปิดให้บริการ Private Wealth หลังจากสัดส่วนลูกค้าสถาบันเพิ่มเข้ามา ขณะที่ธุรกิจวาณิชธนกิจอยู่ระหว่างการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)
“ปีนี้ เราตั้งเป้ามาร์เกตธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็น 12-13% จากปี 54 ที่อยู่ 11.86%” นายมนตรีกล่าว
ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทย MBKET ปรับเป้าหมายดัชนีเพิ่มเป็น 1,300 จุด ค่า PE อยู่ที่ 12.5 เท่า จากเดิมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,234 จุด หลังจากประเมินว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกลดลง อีกทั้งเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วมหนักในปีก่อน
ดาโต๊ะ ศรี อับดุล วาฮิด โอมาร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร เมย์แบงก์ (มาเลเซีย) กล่าวว่า เมย์แบงก์ฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเข้ามาทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยภายในปี 2558 เพื่อขยายธุรกิจให้ครบวงจรในไทย และครอบคลุมอาเซียน โดยอาจจะเข้ามาจัดตั้งสาขา หรือซื้อกิจการธนาคารพาณิชย์ของไทย หลังจากเข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบกิจการที่น่าสนใจ
สำหรับ เมย์แบงก์ กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในมาเลเซีย มีเครือข่ายสาขามากกว่า 2,200 แห่งใน 17 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน ดารุสซาลาม เวียดนาม กัมพูชา ประเทศไทย ปาปัวนิวกินี ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน บาห์เรน อุซเบกิสถาน ปากีสถาน อินเดีย ซาอุดีอารเบีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ให้บริการ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารอิสลาม ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจให้บริการกู้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยตามหลักศาสนาอิสลาม และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโตกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ ประมาณ 3,200 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงขึ้น หลังจากธนาคาร เมย์แบงก์(มาเลเซีย) เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ซึ่งทำให้บริษัทมีการพัฒนาบริการทางการเงินครบวงจรยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนขยายธุรกิจในทุกด้าน ทั้งรายย่อย จะเปิดให้บริการ Private Wealth หลังจากสัดส่วนลูกค้าสถาบันเพิ่มเข้ามา ขณะที่ธุรกิจวาณิชธนกิจอยู่ระหว่างการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)
“ปีนี้ เราตั้งเป้ามาร์เกตธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็น 12-13% จากปี 54 ที่อยู่ 11.86%” นายมนตรีกล่าว
ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทย MBKET ปรับเป้าหมายดัชนีเพิ่มเป็น 1,300 จุด ค่า PE อยู่ที่ 12.5 เท่า จากเดิมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,234 จุด หลังจากประเมินว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกลดลง อีกทั้งเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วมหนักในปีก่อน
