ASTVผู้จัดการรายวัน - ที่ปรึกษาทางกฎหมาย “โทรีเซนไทย” ออกโรงชี้แจงความบริสุทธิ์ผู้บริหาร ระบุดีเอสไอหละหลวมไม่พิจารณาหลักฐานโดยละเอียด มีหลายประเด็นน่าสงสัยข้ามขั้นตอน ล่าสุด ยื่นข้อมูลต่อสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาแล้ว ย้ำการลงทุนใน UMS เป็นไปอย่างโปร่งใส มั่นใจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้
บริษัทเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) เปิดเผยว่า ในการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ในคดีเกี่ยวกับการลงทุนของ TTA ในหลักทรัพย์ของบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (UMS) ไปยังพนักงานอัยการ สำนักคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุดนั้น
เรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน และกระบวนการปรกติของกฎหมาย โดยขณะนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ TTA ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว โดยมีประเด็นที่ขอความเป็นธรรมหลายประการ เช่น การรับคดีนี้ไว้เป็นคดีพิเศษของดีเอสไอ โดยไม่ผ่านการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.ก่อนดังเช่นคดีอื่นๆ ในลักษณะเดียวกันในอดีต, การสั่งฟ้องคดีนี้ของดีเอสไอโดยละเว้นการสอบสวนพยานบุคคลบางรายที่มีความสำคัญในคดี, การละเว้นของดีเอสไอที่ไม่พิจารณาพยานหลักฐานสำคัญจำนวนมากที่ผู้บริหารได้มอบให้ดีเอสไอเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง และความน่าสงสัยในวัตถุประสงค์อันแท้จริงในการแจ้งความของผู้ถือหุ้นรายย่อยในคดีนี้ เป็นต้น
ทั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ในระหว่างการพิจารณาเอกสารหลักฐานที่ได้รับจากดีเอสไอและจะได้มีความเห็นต่อไปว่า ควรมีคำสั่งฟ้องผู้บริหารตามความเห็นของดีเอสไอหรือไม่ เนื่องจากบริษัทฯ เป็นบริษัทมหาชนจำกัดที่ประกอบธุรกิจอย่างโปร่งใส สำนักงานเชื่อมั่น ว่าบริษัทฯ จะให้ความร่วมมือกับสำนักงานอัยการสูงสุดอย่างเต็มที่ หากสำนักงานอัยการสูงสุดต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมประการใดเกี่ยวกับข้อกล่าวหา
นอกจากนี้ สำนักงานขอเรียนชี้แจงเกี่ยวกับการที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวในหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 19 และ 20 เมษายน 2555 โดยระบุถึงคดีข้างต้นในแต่ละประเด็น ดังนี้ 1. คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ใช้ความระมัดระวังรอบคอบ และเป็นไปตามปกติทางธุรกิจการค้าของบริษัทฯ แล้วในการตัดสินใจลงทุนใน UMS
2. ข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทฯ ตัดสินใจซื้อหลักทรัพย์ของ UMS โดยไม่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากการตัดสินใจของบริษัทฯ ในการลงทุนนั้น มีการศึกษาและตรวจสอบสถานะกิจการของ UMSแล้วเป็นอย่างดี ด้วยกระบวนการภายในของบริษัทฯ ที่ถูกต้องและโปร่งใส ซึ่งประกอบไปด้วยที่ปรึกษาทั้งด้านการเงิน และกฎหมายที่เป็นบุคคลภายนอก และมีประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญซึ่งได้ทำการศึกษาตรวจสอบสถานะกิจการของ UMS จนเป็นที่เรียบร้อยอย่างดีแล้ว จึงนำเสนอผลการศึกษาต่อคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติในที่สุด
ส่วนกรณีการให้บริษัทอะธีนซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทฯ เข้าทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ ใน UMS แทนนั้น สำนักงานได้ให้คำแนะนำและคำยืนยันว่า เป็นการดำเนินการที่ชอบภายในกรอบของกฎหมาย
3. การที่บริษัทฯ ลงทุนใน UMS และในบริษัทอื่นรวมถึงเมอร์เมด ไม่ขัด หรือแย้งต่อกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) 4.การที่ต่อมาภายหลังจากการลงทุน ราคาหุ้นของ UMS หรือของบริษัทอื่นๆ มีความผันผวน รวมถึงการได้ผลขาดทุน หรือผลกำไรนั้นเป็นกลไกตามปกติของหุ้นที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
5.ข้อกล่าวหาที่ว่ามีการบิดเบือนข้อมูลผลประกอบการที่นำเสนอต่อคณะกรรมการนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากข้อมูลที่ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการนั้นได้ผ่านการพิจารณาตรวจสอบเป็นการภายใน และโดยที่ปรึกษาซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และเป็นข้อมูลเดียวกับที่ได้แสดงต่อดีเอสไอเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้บริหาร
6. บริษัทฯ ไม่ทราบว่าสื่อมวลชนรับทราบข้อมูลในการสอบสวนของดีเอสไอได้อย่างไร ข้อมูลในเนื้อข่าวตามสื่อต่างๆ ที่ออกมานั้น ปรากฏชัดว่าบางส่วนเป็นข้อมูลที่ได้ให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนในชั้นการสอบสวน ซึ่งไม่อาจนำมาเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกให้เป็นการเสียรูปคดีของฝ่ายที่ถูกกล่าวหาได้ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สื่อมวลชนได้รับไว้ดังกล่าวนั้น ยังปรากฏว่ามีการบิดเบือนไปจากความจริงอีกด้วย
7. สำหรับเรื่องการลงทุนในบริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเรื่องของการที่ผู้ถือหุ้นเดิมของ UMS ถูก สำนักงานก.ล.ต. ดำเนินการกล่าวโทษ และปรับเกี่ยวกับการขายหุ้นก่อนการแถลงผลประกอบการที่ลดลงนั้น ไม่ได้เป็นข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องผู้บริหาร ดังนั้น การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อหาแห่งคดีของดีเอสไอตามที่ปรากฏ รังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมแก่ผู้บริหาร
8. ข่าวเกี่ยวกับกรณีการใช้ข้อมูลภายในเพื่อขายหลักทรัพย์ UMS ของผู้ถือหุ้นเดิมนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่บริษัทฯ เข้าซื้อหลักทรัพย์ใน UMS แต่อย่างใด เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหน้าที่บริษัทฯ จะเข้าเจรจาซื้อหุ้น UMS เป็นเวลานานพอสมควร การยกกรณีการใช้ข้อมูลภายในข้างต้นเข้ามาพัวพันกับข้อกล่าวหาที่ได้แจ้งไว้ต่อดีเอสไอก็ดี หรือในสื่อหนังสือพิมพ์นี้ก็ดี ล้วนแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง และก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมแก่ผู้บริหารทั้งสิ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯขอยืนยันว่า ได้ให้ความร่วมมือกับดีเอสไออย่างเต็มที่ ในการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อข้อกล่าวหาของผู้ถือหุ้น ตลอดจนได้จัดหาและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อมอบไว้ให้แก่ดีเอสไอ ตามที่ถูกร้องขอ เพื่อประกอบการสอบสวนคดีพยานหลักฐานเหล่านี้ล้วนแต่แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในหลักทรัพย์ของ UMS นั้น บริษัทฯ ได้ใช้ความระมัดระวังรอบคอบตามสมควร และเป็นการดำเนินการซึ่งเป็นปกติธุรกิจของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการสื่อสารและชี้แจงข้อมูลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้รับทราบอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ดังนั้น สำนักงานเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า หากพิจารณาจากพยานหลักฐานต่างๆ ที่บริษัทฯ มี จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ นั้นไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด