อมตะคาดรายได้รวมปีนี้ 6-7 พันล้านบาท เชื่อยอดขายที่ดิน-รายได้บริการปรับเพิ่มขึ้น แจงไตรมาสแรกปีนี้ขายที่ดินแล้ว 1 พันไร่ “วิบูลย์” เผยปรับเป้ายอดขายที่ดินบริษัทย่อย “ไทยจีนอุตสาหกรรม” เป็น 3 พันไร่ จากเป้าเดิม 1 พันไร่ ล่าสุดเซ็นสัญญาขายแล้ว 500 ไร่ เตรียมเดินทางพบนักธุรกิจจีนพร้อมกับนายกรัฐมนตรี 17 เมษายนนี้ มั่นใจได้ลูกค้าเพิ่ม แย้มหากลงทุนพม่าคาดใช้เงินลงทุน 6 พันล้านบาท
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 6-7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,060 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทคาดปีนี้จะมียอดขายที่ดินกว่า 3,000 ไร่ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท และจะรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ 4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภค รายได้จากค่าเช่า
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/55 บริษัทมียอดขายที่ดินแล้วประมาณ 1 พันไร่ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่คือ บริษัทบริดจสโตน ที่ซื้อที่ดินกับทางอมตะ 544 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้ารายอื่นๆ จากยอดขายไตรมาส 1 ออกมาดีนั้น บริษัทอาจจะปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เพิ่มขึ้นอีก แต่ขอเวลาอีก 6 เดือนเพื่อรอดูความชัดเจนในเรื่องของปัจจัยทางการเมืองว่าจะมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นหรือไม่
สำหรับบริษัท ไทยจีนอุตสาหกรรม ระยอง เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อมตะกับ HUA FANG PHARMACEUTICAL CO., LTD (Holley Group) จากประเทศจีน ที่จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแก่นักลงทุนในนิคมอมตะซิตี้นั้น ซึ่งทางบริษัทไทยจีนอุตสาหกรรม ระยองคาดว่าปีนี้จะมียอดขายที่ดินได้แตะ 3 พันไร่ จากเป้าหมายเดิมที่คาดขายได้ 1 พันไร่ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้เซ็นสัญญาที่จะซื้อขายที่ดินแล้วประมาณ 500 ไร่ แบ่งเป็นการขายให้บริษัทจงเชอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ จำนวน 350 ไร่ คิดเป็นมูลค่า 700 ล้านบาท ที่เหลือเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก
นอกจากนี้ ในวันที่ 17 เมษายนนี้ ผู้บริหารจะเดินทางไปจีนร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อพบกับนักธุรกิจจีนและเชิญชวนเข้ามาลงทุนในไทย โดยคาดว่าผลการเดินทางไปครั้งนี้จะช่วยทำให้บริษัทไทยจีนอุตสาหกรรม ระยอง มียอดขายที่ดินมากขึ้น
“เป้ายอดขายที่ดินปีนี้ที่ประมาณกว่า 3 พันไร่ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น ไม่ได้รวมกับยอดขายที่ดินของบริษัทไทยจีนอุตสาหกรรม โดยยอดขายที่ดินของอมตะปีนี้จะทยอยรับรู้เป็นรายได้บางส่วนประมาณ 4 พันล้านบาท ที่เหลือรับรู้ปี 56” นายวิบูลย์กล่าว
นายวิบูลย์กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินที่รอดการพัฒนาอยู่อีกประมาณ 15,000 ไร่ แบ่งเป็น อมตะนคร 10,000 ไร่ อมตะซิตี้ 5,000 ไร่ โดยคาดว่าจะรองรับการพัฒนาที่ดินของบริษัทไปได้อีก 3 ปี และในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับราคาขายที่ดินเพิ่ม 10% จากปีก่อน
สำหรับแผนการไปพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศพม่านั้น บริษัทได้เข้าไปเจรจากับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ซึ่งเป็นแกนนำในการเข้าไปทำธุรกิจที่ประเทศดังกล่าว เพื่อเป็นตัวแทนเจรจาและเตรียมงบลงทุนอย่างต่ำไว้ประมาณ 6 พันล้านบาท
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 6-7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,060 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทคาดปีนี้จะมียอดขายที่ดินกว่า 3,000 ไร่ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท และจะรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ 4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภค รายได้จากค่าเช่า
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/55 บริษัทมียอดขายที่ดินแล้วประมาณ 1 พันไร่ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่คือ บริษัทบริดจสโตน ที่ซื้อที่ดินกับทางอมตะ 544 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้ารายอื่นๆ จากยอดขายไตรมาส 1 ออกมาดีนั้น บริษัทอาจจะปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เพิ่มขึ้นอีก แต่ขอเวลาอีก 6 เดือนเพื่อรอดูความชัดเจนในเรื่องของปัจจัยทางการเมืองว่าจะมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นหรือไม่
สำหรับบริษัท ไทยจีนอุตสาหกรรม ระยอง เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อมตะกับ HUA FANG PHARMACEUTICAL CO., LTD (Holley Group) จากประเทศจีน ที่จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแก่นักลงทุนในนิคมอมตะซิตี้นั้น ซึ่งทางบริษัทไทยจีนอุตสาหกรรม ระยองคาดว่าปีนี้จะมียอดขายที่ดินได้แตะ 3 พันไร่ จากเป้าหมายเดิมที่คาดขายได้ 1 พันไร่ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้เซ็นสัญญาที่จะซื้อขายที่ดินแล้วประมาณ 500 ไร่ แบ่งเป็นการขายให้บริษัทจงเชอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ จำนวน 350 ไร่ คิดเป็นมูลค่า 700 ล้านบาท ที่เหลือเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก
นอกจากนี้ ในวันที่ 17 เมษายนนี้ ผู้บริหารจะเดินทางไปจีนร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อพบกับนักธุรกิจจีนและเชิญชวนเข้ามาลงทุนในไทย โดยคาดว่าผลการเดินทางไปครั้งนี้จะช่วยทำให้บริษัทไทยจีนอุตสาหกรรม ระยอง มียอดขายที่ดินมากขึ้น
“เป้ายอดขายที่ดินปีนี้ที่ประมาณกว่า 3 พันไร่ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น ไม่ได้รวมกับยอดขายที่ดินของบริษัทไทยจีนอุตสาหกรรม โดยยอดขายที่ดินของอมตะปีนี้จะทยอยรับรู้เป็นรายได้บางส่วนประมาณ 4 พันล้านบาท ที่เหลือรับรู้ปี 56” นายวิบูลย์กล่าว
นายวิบูลย์กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินที่รอดการพัฒนาอยู่อีกประมาณ 15,000 ไร่ แบ่งเป็น อมตะนคร 10,000 ไร่ อมตะซิตี้ 5,000 ไร่ โดยคาดว่าจะรองรับการพัฒนาที่ดินของบริษัทไปได้อีก 3 ปี และในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับราคาขายที่ดินเพิ่ม 10% จากปีก่อน
สำหรับแผนการไปพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศพม่านั้น บริษัทได้เข้าไปเจรจากับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ซึ่งเป็นแกนนำในการเข้าไปทำธุรกิจที่ประเทศดังกล่าว เพื่อเป็นตัวแทนเจรจาและเตรียมงบลงทุนอย่างต่ำไว้ประมาณ 6 พันล้านบาท