“บีทีเอส” แจงผลตรวจสอบ “คลิป” ฝรั่งถือลูกโป่งขึ้นรถไฟฟ้า ระบุเหตุบานปลาย เกิดจากการใช้ภาษาไม่ถูกต้อง สั่งลงโทษวินัย จนท.บกพร่อง ปล่อยผู้โดยสารถือลูกโป่งขึ้นรถไฟฟ้า ระบุเห็นใจครอบครัวฝรั่งถูกทำร้าย พร้อมให้ความเยียวยา ส่วนเรื่องคดีความต้องให้เป็นหน้าที่ของ ตร. โดยจะให้ความร่วมมือเต็มที่
นายอาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างชาวต่างชาติและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยผลการตรวจสอบจากคลิปพบว่า เหตุการณ์เกิดหลายที่หลายมุม โดยฝรั่งไปงานจบการศึกษาโรงเรียนของลูก และมาขึ้่นรถไฟฟ้าที่สถานีสุรศักดิ์
ทั้งนี้ การที่นำลูกโป่งขึ้นมาได้ในช่วงแรก พนักงานของเราอาจจะไม่เห็นลูกโป่งที่ถือมา และไปขึ้นรถต่อที่สยาม ไปพร้อมพงษ์ ช่วงขากลับนายสถานี และทาง รปภ.เห็นฝรั่งถือลูกโป่งมา 4-5 ใบ ซึ่งเราห้ามมาตลอด เพราะหากรถแน่นอันตรายมาก
“การที่เหตุการณ์บานปลาย อาจเกิดจากการเจรจาที่ใช้ภาษาที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะพนักงานเราก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ซึ่งฝรั่งเกิดบันดาลโทสะขึ้น เตะถังผงไล่ทำร้าย รปภ.จึงเข้ามาขวาง มีการเงื้อง่ากัน พนักงานเราข้างในจึงออกมาร่วมด้วย ฝรั่งก็ไม่ยอมออกจากระบบ พยายามเข้าไปชานชาลา จะขึ้นรถให้ได้ จึงเกิดกระทบกระทั่งกันขึ้น”
ส่วนใครผิดใครถูก ทั้งสองฝ่ายเสียหายทั้งคู่ ซึ่งทั้งเราและฝรั่งต่างก็ไปแจ้งความ โดยเราได้แจ้งความฐานทำให้เสียหาย และพยายามทำร้ายพนักงาน ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้น ให้เป็นเรื่องของตำรวจ โดยเราให้ความร่วมมือเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ถือว่ามีเจ้าหน้าที่บกพร่องต่อหน้าที่ ผิดวินัย ก็ต้องลงโทษตามที่เราเคยทำ และเราเห็นใจครอบครัวของฝรั่ง เพราะเด็กเห็นพ่อมีเรื่องต่อหน้าตัวเอง ครอบครัวก็คงไม่สบายใจ
นายอาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างชาวต่างชาติและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยผลการตรวจสอบจากคลิปพบว่า เหตุการณ์เกิดหลายที่หลายมุม โดยฝรั่งไปงานจบการศึกษาโรงเรียนของลูก และมาขึ้่นรถไฟฟ้าที่สถานีสุรศักดิ์
ทั้งนี้ การที่นำลูกโป่งขึ้นมาได้ในช่วงแรก พนักงานของเราอาจจะไม่เห็นลูกโป่งที่ถือมา และไปขึ้นรถต่อที่สยาม ไปพร้อมพงษ์ ช่วงขากลับนายสถานี และทาง รปภ.เห็นฝรั่งถือลูกโป่งมา 4-5 ใบ ซึ่งเราห้ามมาตลอด เพราะหากรถแน่นอันตรายมาก
“การที่เหตุการณ์บานปลาย อาจเกิดจากการเจรจาที่ใช้ภาษาที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะพนักงานเราก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ซึ่งฝรั่งเกิดบันดาลโทสะขึ้น เตะถังผงไล่ทำร้าย รปภ.จึงเข้ามาขวาง มีการเงื้อง่ากัน พนักงานเราข้างในจึงออกมาร่วมด้วย ฝรั่งก็ไม่ยอมออกจากระบบ พยายามเข้าไปชานชาลา จะขึ้นรถให้ได้ จึงเกิดกระทบกระทั่งกันขึ้น”
ส่วนใครผิดใครถูก ทั้งสองฝ่ายเสียหายทั้งคู่ ซึ่งทั้งเราและฝรั่งต่างก็ไปแจ้งความ โดยเราได้แจ้งความฐานทำให้เสียหาย และพยายามทำร้ายพนักงาน ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้น ให้เป็นเรื่องของตำรวจ โดยเราให้ความร่วมมือเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ถือว่ามีเจ้าหน้าที่บกพร่องต่อหน้าที่ ผิดวินัย ก็ต้องลงโทษตามที่เราเคยทำ และเราเห็นใจครอบครัวของฝรั่ง เพราะเด็กเห็นพ่อมีเรื่องต่อหน้าตัวเอง ครอบครัวก็คงไม่สบายใจ