ลุ้นกันวันต่อวัน
ตลาดวันอังคาร กระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย ดัชนีปิดที่ระดับ1153.56 ขุด เพิ่มขึ้น3.38 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 36,649 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อน้อยลงอีก เหลือซื้อสุทธิเพียง 200 ล้านบาทเศษเท่านั้น
การดีดตัวกลับของดัชนี เกิดจากอานิสงส์ตลาดหุ้นย่านเอเชีย ซึ่งฟื้นตัวกันถ้วนหน้า และได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มสื่อ เช่นแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส หรือ อินทัช ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานตัวใหญ่ๆ ถูกเทขาย ทรุดตัวกันแรง ส่วนตัวเล็กๆที่ร้อนแรงขึ้นมาคือ จัสมิน ซึ่งเกิดจากการเก็งกำไร โดยคาดว่าแนวโน้มธุรกิจจะฟื้น
ปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ยังไม่มีเหมือนเดิม โดยทิศทางตลาดยังเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นโลก และอิงเพื่อนบ้านย่านเอเชียเป็นหลัก ซึ่งมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นกว่า 36,000 ล้านบาทนั้น สะท้อนให้เห็นว่า รายย่อยในประเทศ ใจยังสู้อยู่ ไม่หวั่นไหวในความเปราะบางของตลาด และหากมีปัจจัยบวกเข้ามา พร้อมจะลุยในทันที หรือแม้มีปัจจัยลบเข้ามากระทบ ทำให้หุ้นทรุดตัวแรงๆ ก็พร้อมจะซื้อสวนเหมือนกัน
สรุปแล้วนักลงทุนรายย่อย ยังให้น้ำหนักในการเข้าช้อนซื้อมากกว่า ซึ่งอาจเป็นเพราะ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซื้อแล้ว มักได้กำไร โดยเฉพาะช่วงขาลง หรือวันที่ดัชนีสีแดง มีเพียงบางรอบเท่านั้น ที่เจ้าผิดจังหวะ ช้อนแล้วเจ็บ เช่นช่วงที่ดัชนียืนระดับ1150 จุดในรอบก่อน และปรับตัวลงม้วนเดียวเหลือ840 จุด
แนวโน้มตลาดวันพุธ รอปัจจัยจากภายนอกเป็นตัวกำหนดเพียงประการเดียว และแม้จะมีข่าวดีขึ้นมาหนุน หุ้นก็อาจจะมีแรงทะยานขึ้นอีกเฮือก แต่ไม่น่าจะไปไกลกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ 1173 จุด ช่องว่างในขาขึ้นจึงแคบเต็มที จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทุ่มน้ำหนักในการเก็งกำไร
แต่เมื่อหมกมุ่นมั่นใจว่า หุ้นยังมีโอกาสขึ้น และมีโอกาสหาค่าข้าวค่าน้ำมันได้ คงจะห้ามกันยาก เพราะทุกคนพร้อมจะใส่กันหมดหน้าตัก
เตือนได้เพียง จับตาแรงซื้อแรงขายต่างชาติเท่านั้น
ตลาดวันอังคาร กระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย ดัชนีปิดที่ระดับ1153.56 ขุด เพิ่มขึ้น3.38 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 36,649 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อน้อยลงอีก เหลือซื้อสุทธิเพียง 200 ล้านบาทเศษเท่านั้น
การดีดตัวกลับของดัชนี เกิดจากอานิสงส์ตลาดหุ้นย่านเอเชีย ซึ่งฟื้นตัวกันถ้วนหน้า และได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มสื่อ เช่นแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส หรือ อินทัช ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานตัวใหญ่ๆ ถูกเทขาย ทรุดตัวกันแรง ส่วนตัวเล็กๆที่ร้อนแรงขึ้นมาคือ จัสมิน ซึ่งเกิดจากการเก็งกำไร โดยคาดว่าแนวโน้มธุรกิจจะฟื้น
ปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ยังไม่มีเหมือนเดิม โดยทิศทางตลาดยังเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นโลก และอิงเพื่อนบ้านย่านเอเชียเป็นหลัก ซึ่งมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นกว่า 36,000 ล้านบาทนั้น สะท้อนให้เห็นว่า รายย่อยในประเทศ ใจยังสู้อยู่ ไม่หวั่นไหวในความเปราะบางของตลาด และหากมีปัจจัยบวกเข้ามา พร้อมจะลุยในทันที หรือแม้มีปัจจัยลบเข้ามากระทบ ทำให้หุ้นทรุดตัวแรงๆ ก็พร้อมจะซื้อสวนเหมือนกัน
สรุปแล้วนักลงทุนรายย่อย ยังให้น้ำหนักในการเข้าช้อนซื้อมากกว่า ซึ่งอาจเป็นเพราะ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซื้อแล้ว มักได้กำไร โดยเฉพาะช่วงขาลง หรือวันที่ดัชนีสีแดง มีเพียงบางรอบเท่านั้น ที่เจ้าผิดจังหวะ ช้อนแล้วเจ็บ เช่นช่วงที่ดัชนียืนระดับ1150 จุดในรอบก่อน และปรับตัวลงม้วนเดียวเหลือ840 จุด
แนวโน้มตลาดวันพุธ รอปัจจัยจากภายนอกเป็นตัวกำหนดเพียงประการเดียว และแม้จะมีข่าวดีขึ้นมาหนุน หุ้นก็อาจจะมีแรงทะยานขึ้นอีกเฮือก แต่ไม่น่าจะไปไกลกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ 1173 จุด ช่องว่างในขาขึ้นจึงแคบเต็มที จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทุ่มน้ำหนักในการเก็งกำไร
แต่เมื่อหมกมุ่นมั่นใจว่า หุ้นยังมีโอกาสขึ้น และมีโอกาสหาค่าข้าวค่าน้ำมันได้ คงจะห้ามกันยาก เพราะทุกคนพร้อมจะใส่กันหมดหน้าตัก
เตือนได้เพียง จับตาแรงซื้อแรงขายต่างชาติเท่านั้น