xs
xsm
sm
md
lg

พนง. ระยองเพียวฯ เคว้งถูกเลิกจ้าง ยกพลบุก ก.พลังงาน ร้องความเป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตัวแทน พนง. ระยองเพียวฯ จำนวน 300 คน รวมพลบุก ก.พลังงาน ร้องเรียนถูกเลิกจ้าง หลัง ปตท. เลิกส่งวัตถุดิบให้ผลิต ยันไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องถูกจ้างออกจากงาน ด้านผู้บริหาร ปตท. แจงบอกล่วงหน้าแล้วถึง 2 ปี ขณะที่โรงกลั่น RPC ใช้วัตถุดิบเฉพาะเจาะจง

มีรายงานข่าวว่า พนักงานบริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPC จำนวนหนึ่งได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT พร้อมด้วยดอกกุหลาบ เพื่อขอให้ช่วยเหลือพนักงานประมาณ 300 คนที่อาจต้องถูกเลิกจ้างภายหลังโรงงานของบริษัทหยุดผลิต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา เนื่องจาก ปตท. ไม่ส่งวัตถุดิบให้

ตัวแทนพนักงาน กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นธรรมต่อพนักงาน เพราะทำให้ RPC ต้องบอกเลิกจ้างพนักงาน และจ่ายเงินตามกฎหมายกำหนด ภายหลังจากที่ ปตท. หยุดส่งวัตถุดิบให้ ถึงแม้ว่าจะเป็นไปตามสัญญาซื้อขายวัตถุดิบก็ตาม

ดังนั้น จึงอยากขอความเห็นใจพนักงานที่กำลังจะถูกเลิกจ้าง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 นี้ ขอให้กระทรวงพลังงาน และกลุ่ม ปตท. เข้าช่วยเหลือ โดยการจัดหาวัตถุดิบให้กับบริษัทเหมือนเดิม หรือรับพนักงานทั้งหมดของ RPC เข้าไปทำงานด้วย

ทั้งนี้ RPC มีโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กที่ผลิตน้ำมันและสารทำละลาย โดยรับวัตถุดิบคือคอนเดนเสต เรสซิดิวซ์ จาก ปตท. ในขณะที่ ปตท.รับจากโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีทีโกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC นอกจากนั้น RPC ยังมีบริษัทในเครือทำกิจการปั๊มน้ำมันอีก 70 แห่ง

ด้านนายสรากร กุลธรรม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การค้าระหว่างประเทศ ปตท. ชี้แจงว่า สัญญาการขายวัตถุดิบกับ RPC เป็นสัญญาที่จัดทำเมื่อเดือนสิงหาคม 2538 และครบกำหนดสัญญา เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 โดยในสัญญาระบุว่า หากจะยกเลิกสัญญาซื้อขาย ให้ ปตท.แจ้งล่วงหน้า 1 ปี แต่ ปตท.ก็ได้แจ้งล่วงหน้า 2 ปี

โดยในระหว่างนี้ ปตท.ก็พยายามจัดหาวัตถุดิบให้ RPC แต่ก็ไม่สามารถหาให้ได้ เพราะลักษณะโรงกลั่นของ RPC ใช้วัตถุดิบเฉพาะเจาะจงจาก PTTGC เท่านั้น โดย PTTGC ได้ยกเลิกสัญญาขายวัตถุดิบให้แก่ ปตท. ตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 เพราะได้มีการนำวัตถุดิบดังกล่าวไปผลิตสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มของโรงงานเอง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ RPC และทางพนักงานได้มีการฟ้องร้องข้อพิพาทดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินแต่อย่างใด





กำลังโหลดความคิดเห็น