“ธีระชัย” ชี้ เงินคงคลังเยอะเกินไป กลายเป็นภาระหนัก สั่งบัญชีกลางถก ธปท.หาแนวทางดึงเงินคงคลังส่วนเกิน นำไปหาผลประโยชน์ในต่างประเทศ ลั่นต้องหัดคิดนอกกรอบบ้าง “รังสรรค์” ยอมรับ ต้องแก้กฎหมายก่อน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการตรวจเยี่ยมกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555 (วานนี้) โดยระบุว่า ตนเองได้สั่งการให้กรมบัญชีกลางศึกษาแนวทางการบริหารเงินคงคลัง เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยได้เสนอแนะให้รัฐนำเงินดังกล่าวไปฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ จากปัจจุบันที่ฝากไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เท่านั้น รวมทั้งดูว่าเป็นแนวทางปฏิบัติตามหลักสากลหรือไม่ พร้อมกันนี้ ให้คิดนอกกรอบด้วย เช่น หากหารายได้จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศไม่สะดวก จะให้ ธปท.นำไปแลกเปลี่ยนเพื่อลงทุนหารายได้ระยะสั้นยังต่างประเทศ เป็นต้น
“ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ มีเงินคงคลังไว้ระดับสูง ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมปลายปีที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลมีความคล่องตัวสูงในการใช้เงิน แต่ขณะเดียวกัน ก็มองว่า การที่มีเงินคงคลังอยู่ในมือมากจนเกินไปนั้น กลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน จึงให้กรมบัญชีกลางไปดูแนวทางการสร้างรายได้ระยะสั้นจากเงินคงคลังดังกล่าว รวมทั้งดูแนวทางปฏิบัติของประเทศอื่นๆ มาประกอบด้วย ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลมีเงินคงคลัง 250,000 ล้านบาท ถือว่ามั่นคงมาก”
นายธีระชัย กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ต้องคิดนอกกรอบ ถ้าหากมีการนำเงินคงคลังไปหารายได้ในประเทศไม่สะดวก ก็อาจต้องให้ ธปท.นำเงินคงคลังไปแลกเป็นเงินตราต่างประเทศ และนำมาใช้ลงทุนเพื่อหารายได้จากนอกประเทศน่าจะดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องดูว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ จึงได้มอบให้อธิบดีกรมบัญชีกลางไปหารือกับทาง ธปท.เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า การจะนำเงินคงคลังไปใช้หารายได้นั้น หากมีการดำเนินการจริงอาจต้องมีการแก้ไขกฎหมายการเงินการคลัง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ โดยหากจะนำเงินคงคลังมาหารายได้โดยการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศก็อาจเสี่ยงเกินไป ซึ่งในส่วนนี้ รัฐมนตรีคลัง ก็ได้เสนอแนวทางการหารายได้จากต่างประเทศ
“ประเทศควรมีเงินคงคลังในระดับที่เหมาะสม ประมาณ 250,000 ล้านบาท ซึ่งหากเกินกว่านี้ เห็นว่าควรนำส่วนที่เกินไปใช้หารายได้ ซึ่งแต่ละเดือน เงินก้อนนี้จะก็จะมีรายได้เข้ามาสมทบเฉลี่ยประมาณ 100,000 ล้านบาทต่อเดือน และมีรายจ่ายอยู่ที่ 250,000 ล้านบาทต่อเดือน”