อมตะ ปรับเป้าขายที่ดินเป็นไม่ต่ำกว่า 2 พันไร่จากปีนี้ 1.5 พันไร่ เหตุลูกค้ารายใหม่ทั้งต่างประเทศคึก แถมลูกค้าย้ายจากนิคมฯถูกน้ำท่วม ดันรายได้แตะ 5 พันล้านบาท จากปีนี้3-4 พันล้านบาท “วิบูลย์” แย้ม กำลังเจรจาบริษัทผู้ประกอบรถยนต์ซื้อที่ดิน หากจบดีลคาดยอดขายมากกว่าเป้าหมาย
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ายอดขายที่ดินปี 55 มากกว่า 2,000 ไร่ จากเดิมที่บริษัทคาดจะอยู่ที่ 1,800 ไร่ เนื่องจากบริษัทมีลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาซื้อที่ดินจำนวนมาก ซึ่งเป็นนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนที่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมจากช่วงตอนเหนือของกรุงเทพฯ และทำให้ตัวแทนจำหน่ายสินค้าตามเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อผลิตสินค้า นอกจากลูกค้าเดิมของบริษัทมีการขยายการผลิตทำให้ต้องซื้อที่ดินเพิ่ม
ทั้งนี้ ทำให้คาดว่ารายได้รวมปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่มีรายได้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินปีนี้อยู่ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยลูกค้าใหม่ใหม่ที่จะเข้ามาซื้อที่ดินนั้น ยังเป็นกลุ่มธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เกษตรและเคมีที่ใช้ในธุรกิจยานยนต์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทผู้ประกอบรถยนต์ในการเข้ามาซื้อที่ดิน โดยหากการเจรจาสำเร็จ จะมีผลทำให้ยอดขายที่ดินของบริษัทเติบโตมากกว่า 2,000 ไร่
“ช่วงสถานการณ์ปกติบริษัทจะมียอดขายเติบโต 20% แต่นับจากปีหน้า บริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามาเยอะ และลูกค้าเก่ามีการขยายฐานการผลิตประมาณ 30-40% ทำให้ต้องซื้อที่ดินเพิ่ม ประกอบซัพไพร์เออร์มีการตามเข้ามาซื้อที่ดินเพิ่มอีก โดยลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อที่ดินนั้น เป็นที่อมตะนครประมาณ 40% และอีก 60% เป็นลูกที่อมตะซิตี้” นายวิบูลย์ กล่าว
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ายอดขายที่ดินปี 55 มากกว่า 2,000 ไร่ จากเดิมที่บริษัทคาดจะอยู่ที่ 1,800 ไร่ เนื่องจากบริษัทมีลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาซื้อที่ดินจำนวนมาก ซึ่งเป็นนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนที่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมจากช่วงตอนเหนือของกรุงเทพฯ และทำให้ตัวแทนจำหน่ายสินค้าตามเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อผลิตสินค้า นอกจากลูกค้าเดิมของบริษัทมีการขยายการผลิตทำให้ต้องซื้อที่ดินเพิ่ม
ทั้งนี้ ทำให้คาดว่ารายได้รวมปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่มีรายได้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินปีนี้อยู่ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยลูกค้าใหม่ใหม่ที่จะเข้ามาซื้อที่ดินนั้น ยังเป็นกลุ่มธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เกษตรและเคมีที่ใช้ในธุรกิจยานยนต์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทผู้ประกอบรถยนต์ในการเข้ามาซื้อที่ดิน โดยหากการเจรจาสำเร็จ จะมีผลทำให้ยอดขายที่ดินของบริษัทเติบโตมากกว่า 2,000 ไร่
“ช่วงสถานการณ์ปกติบริษัทจะมียอดขายเติบโต 20% แต่นับจากปีหน้า บริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามาเยอะ และลูกค้าเก่ามีการขยายฐานการผลิตประมาณ 30-40% ทำให้ต้องซื้อที่ดินเพิ่ม ประกอบซัพไพร์เออร์มีการตามเข้ามาซื้อที่ดินเพิ่มอีก โดยลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อที่ดินนั้น เป็นที่อมตะนครประมาณ 40% และอีก 60% เป็นลูกที่อมตะซิตี้” นายวิบูลย์ กล่าว
