ซีอีโอ “กิมเอ็ง” ได้ฤกษ์ดี เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” ภายใต้กลุ่มธนาคารเมย์แบงก์ เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อย่อเป็น MBKET สำหรับการซื้อขายในตลาดหุ้น ดีเดย์ 25 พ.ย.นี้
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 นี้ เป็นต้นไป หลังจากบริษัทได้เปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยบริษัท เมย์บัน ไอบี โฮลดิ้งส์ (Mayban IB Holdings Sdn. Bhd.) บริษัทในเครือของธนาคารเมย์แบงก์ (Malayan Banking Berhad หรือ “Maybank” ) เข้าถือหุ้นในบริษัท กิมเอ็ง โฮลดิ้งส์ ประเทศสิงคโปร์ จำนวน 100% ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเปลี่ยนจากกลุ่มกิมเอ็ง โฮลดิ้งส์ ประเทศสิงคโปร์ เป็นกลุ่มเมย์แบงก์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริษัท เมย์บัน ไอบี โฮลดิ้งส์ (Mayban IB Holdings Sdn. Bhd.) เข้าถือหุ้นในกิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ KEST จำนวน 83.74% ทั้งนี้ ตัวย่อบริษัทจะเปลี่ยนเป็น MBKET รวมทั้งเปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.maybank-ke.co.th อีกด้วย
ภายใต้การถือหุ้นของกลุ่มเมย์แบงก์จะช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของกิมเอ็ง ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มนักลงทุนรายย่อย กลุ่มเมย์แบงก์จะช่วยสนับสนุนด้านฐานะการเงินและความมั่นคงของกิมเอ็งให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อันจะเห็นได้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ได้รับการเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว เป็น AA- จากเดิม A ซึ่งถือว่าเป็นอันดับเครดิตของบริษัทหลักทรัพย์ที่สูง และสามารถเทียบเท่ากับอันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์ไทยบางแห่ง
กลุ่มเมย์แบงก์เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีธุรกิจหลัก คือ ธนาคารเมย์แบงก์ (Malayan Banking Berhad) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย และเป็นธนาคารอันดับหนึ่งของประเทศและยังเป็นธนาคารใหญ่อันดับที่ 4 ในการจัดอันดับของธนาคารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ดำเนินธุรกิจมายาวนานถึง 51 ปี มีเครือข่ายสาขามากมายในประเทศศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญต่างๆ อาทิ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม โดยมีขนาดของสินทรัพย์รวม 136.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 ธนาคารเมย์แบงก์เป็นธนาคารที่เน้นกลุ่มลูกค้าสินเชื่อรายย่อยและธุรกิจขนาดใหญ่ และมีความเชี่ยวชาญธุรกิจวาณิชธนกิจซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนธุรกิจด้านนี้ให้แก่บริษัท ได้เป็นอย่างดี และจะมีความร่วมมือในธุรกิจด้านวาณิชธนกิจมากขึ้นในอนาคต
นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภายหลังการเปลี่ยนชื่อบริษัท นโยบายการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยยังคงเหมือนเดิมโดยให้บริการผ่านสาขาต่างๆ ของบริษัทรวม 44 สาขา ล่าสุด บริษัทได้เปิดสาขาระยอง 2 ขึ้นอีก 1 แห่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริการแก่ลูกค้าให้ได้มากยิ่งขึ้น การเข้าถือหุ้นของบริษัทโดยกลุ่มเมย์แบงก์ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสอดคล้องกับการรวมตัวของประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่ต้องการผลักดันโครงการเชื่อมโยงระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Exchange Linkage) ประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และ เวียดนาม ซึ่งรวมตัวกันเชื่อมโยงระบบการซื้อขายอิเลกทรอนิกส์ระหว่างกัน สร้างพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดภูมิภาคอาเซียนให้มีความน่าสนใจ และทำให้นักลงทุนจากต่างประเทศหันมาสนใจและเลือกลงทุนในแถบภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนของประเทศที่มีผลการดำเนินงานดี มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามแนวทางที่ยอมรับในระดับสากล และมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องให้เป็นที่รู้จักและยอมรับต่อนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปี 2555 ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ มีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการได้ก่อนในไตรมาสแรก ดังนั้น การมีกลุ่มเมย์แบงก์จะช่วยเกื้อหนุนและเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทให้เข้าสู่โครงการอาเซียนลิงค์เกจได้เป็นอย่างดี บริษัท จึงมีความมั่นใจที่จะเปิดบริการและต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยในอนาคตบริษัทมีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์อันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนต่อไป