ผอ.สนง.บริหารหนี้ฯ รับยังไม่เห็นรายละเอียดงบกลางฟื้นฟูน้ำท่วมรัฐบาลยังกู้เพิ่มได้ภายใต้กรอบ พ.ร.บ.งบฯ 55 หรือออกเป็น พ.ร.ก. ยันหากกู้ไม่เกิน 6 แสนล้าน ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงิน เผยจำนำข้าวค้างหนี้ 5.1 หมื่นล้าน ขณะไทยเข้มแข็งปิดหีบปีหน้า เหลือตัวเลขเบิกจ่าย 4.1 พันล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงาน การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ในช่วงบ่ายของวันนี้ (15 พ.ย.) มีวาระพิจารณางบประมาณายจ่ายของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 1.7 แสนล้านบาท ซึ่ง กมธ.ส่วนใหญ่ได้สอบถามความสามารถในการกู้เงินของรัฐบาล หากมีความจำเป็นกู้เงินมาฟื้นฟูประเทศหลังจากปัญหาอุทกภัย
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า คาดว่าเงินส่วนใหญ่ในการฟื้นฟูภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมมาจากงบกลางในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2555 ส่วนที่จะเพิ่มเติมเข้ามายังไม่มีรายละเอียด เพราะอยู่ในระหว่างการประเมินความเสียหายเข้ามา การกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมยังสามารถทำได้ภายใต้กรอบของงบประมาณด้วยการออก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมหรืองบกลางปี แต่ถ้ามีความจำเป็นมากกว่านี้รัฐบาลต้องใช้วิธีการออกพระราชกำหนด หรือ พ.ร.ก.
นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวด้วยว่า จากภาระหนี้ที่มีอยู่ถ้ารัฐบาลกู้เพิ่ม 4 แสนล้านบาทจากกงบประมาณขาดดุล 4 แสนล้านบาท ภาระหนี้ต่องบประมาณรายจ่ายจะอยู่ที่ 13 – 14 เปอร์เซ็นต์ในปี 2559 และหากกู้เงินเพิ่มเป็น 6 แสนล้านบาทจะอยู่ 14.8 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 5 ปีงบประมาณ ดังนั้นหากกู้เงินไม่ถึง 6 แสนล้านบาท ภาระการชำระหนี้ต่องบประมาณรายจ่ายยังอยู่ภายในกรอบวินัยการเงินการคลัง
“โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ตั้งแต่ปี 2547 วงเงินภาระหนี้เหลืออยู่ 5.1 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการไทยเข้มแข็งตอนนี้จะสามารถเบิกจ่ายเงินได้ถึงสิ้นปีงบประมาณ 2555 จากนั้นจะไม่มีการเบิกจ่ายอีกและจะปิดโครงการทันที โดยตัวเลขการเบิกจ่ายเหลือ 4.1 พันล้านบาท” นายจักรกฤศฎิ์ กล่าว
