ธปท.วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก ยันแม้น้ำท่วมพระราม 2 การจัดส่งธนบัตรไปยังศูนย์จัดการธนบัตรต่างๆไม่มีปัญหา มีแผนสำรองเตรียมรับมือไว้แล้ว พร้อมจัดส่งธนบัตรให้ถี่ขึ้นและคงปริมาณเงินสำรองไว้ถึง 3 เดือนข้างหน้า เพียงพอต่อความต้องการประชาชนและสถาบันการเงินแน่นอน
นายนพพร ประโมจนีย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ขณะนี้ปริมาณน้ำเริ่มไหลเข้ามาในพื้นที่ถ.พระราม 2 แล้วว่า ขณะนี้ระบบขนส่งธนบัตรไปยังศูนย์จัดการธนบัตรของธปท.ยังไม่มีปัญหา เนื่องจากธปท.ได้ใช้รถที่มีความสูงในการขนธนบัตรอยู่แล้ว อีกทั้งหากการจัดส่งธนบัตรอยู่ในพื้นที่ลึกเข้าไปก็จะขอความร่วมมือให้ทหารเข้าไปช่วยดูแลความปลอดภัย
"ธปท.ไม่อยากให้ประชาชนอย่างตื่นตระหนก แต่ให้มั่นใจได้ว่าการจัดส่งธนบัตรไปยังศูนย์ฯ ต่างๆ จะมีไม่มีปัญหา เพราะขนาดนี้เราก็พยายามทำทุกวิถีทาง ซึ่งส่วนหนึ่งก็ใช้วิธีวิ่งรถอ้อมไปใช้เส้นทางอื่นได้และหากในกรณีที่ไม่สามารถขนส่งธนบัตรได้ ธปท.ก็ได้มีแผนสำรองที่ระบุวิธีการขนส่งธนบัตรและขั้นตอนต่างๆ ไว้รองรับอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะจะมีผลต่อเรื่องความปลอดภัยของธนบัตรที่จัดส่ง"ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ธปท.ได้จัดส่งธนบัตรให้มีความถี่ขึ้นและคงปริมาณสำรองไว้ถึง 3 เดือนข้างหน้า จึงสามารถการันตีได้ว่า แม้น้ำจะท่วมไปอีก 3 เดือนก็ไม่มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการเงินสดและที่สำคัญในขณะนี้เริ่มเห็นธนาคารพาณิชย์ในรอบนอกที่อยู่ใกล้กับศูนย์จัดการธนบัตรที่จ.ระยองและนครราชสีมามีการเบิกถอนเงินสดมากขึ้นแทนการเข้ามารับโดยตรงจากธนาคารพาณิชย์ในพื้นที่กรุงเทพ
แนวโน้มสินเชื่อQ4สดใส
รายงานข่าวจากธปท.แจ้งว่า สายนโยบายเศรษฐกิจการเงินได้รายงานภาวะสินเชื่อของสถาบันการเงินในไตรมาส 3 ของปีนี้และแนวโน้มในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงที่ทำหน้าที่ด้านสินเชื่อโดยตรง พบว่า ความเห็นส่วนใหญ่มองว่าช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ แนวโน้มของการขยายตัวสินเชื่อจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีการขยายตัวสินเชื่อ 17.3% หรือมียอดการปล่อยกู้ทั้งสิ้น 11.07 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มองว่าสินเชื่อในจะขยายตัวดีในระยะต่อไปเกิดจากภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยครั้งนี้จะมีความต้องการสินเชื่อ เพื่อนำไปฟื้นฟูกิจการ การใช้จ่ายและซ่อมแซมที่พักอาศัยหลังจากปัญหาน้ำท่วมคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมาตรฐานการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) จะเข้มงวดมากขึ้น ขณะที่มาตรฐานการการให้สินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อครัวเรือนทุกประเภทยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบัน