ASTV ผู้จัดการรายวัน - วายแอลจีชี้ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงขาขึ้น แนะนำให้ขายทองคำบางส่วนหากราคาแตะที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเน้นการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมา
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ทิศทางราคาทองคำว่า ขณะนี้ได้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดเงินเข้ามาถือครองสินทรัพย์ทองคำมากขึ้น โดยสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายนราคาทองคำยังเดินหน้าปรับตัวขึ้นได้อีก 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน โดยมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2552
นอกจากนี้ตลาดทองคำได้รับแรงหนุนจากการออกมาแสดงความคิดเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น ซึ่งหากพิจารณาดูแล้วจะพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเปราะบาง ทำให้เกิดการคาดการณ์กันว่ามีโอกาสที่เฟดจะตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบต่อไป
นางสาวฐิภา กล่าวว่า แม้ว่าราคาทองคำจะเข้าสู่ช่วงปรับตัวขึ้น แต่ในระหว่างทางนั้นอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ ซึ่งหากมองในมุมกว้างจะพบว่าราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway up โดยสาเหตุมาจากกระแสข่าวในยุโรปที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวไปมา แต่อย่างไรก็ตามวายแอลจีเชื่อว่าราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้ โดยให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,800-1,820 ดอลลาร์ต่อออน์ หรือ 26,120-26,410 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวายแอลจีแนะนำให้ขายทองคำบางส่วนหากราคาแตะที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเน้นการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมา โดยแนวรับสำคัญจะอยู่ในช่วง 1,700 และ 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 24,660 และ 24,370 บาทต่อบาททองคำ หากนักลงทุนลงทุนในระยะสั้นแนะนำให้ลงทุนตามกรอบ โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและจุดขายทำกำไรให้ชัดเจน อีกทั้งต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะประเด็นปัญหาในยุโรป
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ทิศทางราคาทองคำว่า ขณะนี้ได้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดเงินเข้ามาถือครองสินทรัพย์ทองคำมากขึ้น โดยสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายนราคาทองคำยังเดินหน้าปรับตัวขึ้นได้อีก 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน โดยมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2552
นอกจากนี้ตลาดทองคำได้รับแรงหนุนจากการออกมาแสดงความคิดเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น ซึ่งหากพิจารณาดูแล้วจะพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเปราะบาง ทำให้เกิดการคาดการณ์กันว่ามีโอกาสที่เฟดจะตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบต่อไป
นางสาวฐิภา กล่าวว่า แม้ว่าราคาทองคำจะเข้าสู่ช่วงปรับตัวขึ้น แต่ในระหว่างทางนั้นอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ ซึ่งหากมองในมุมกว้างจะพบว่าราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway up โดยสาเหตุมาจากกระแสข่าวในยุโรปที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวไปมา แต่อย่างไรก็ตามวายแอลจีเชื่อว่าราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้ โดยให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,800-1,820 ดอลลาร์ต่อออน์ หรือ 26,120-26,410 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวายแอลจีแนะนำให้ขายทองคำบางส่วนหากราคาแตะที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเน้นการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมา โดยแนวรับสำคัญจะอยู่ในช่วง 1,700 และ 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 24,660 และ 24,370 บาทต่อบาททองคำ หากนักลงทุนลงทุนในระยะสั้นแนะนำให้ลงทุนตามกรอบ โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและจุดขายทำกำไรให้ชัดเจน อีกทั้งต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะประเด็นปัญหาในยุโรป