ผู้ว่าแบงก์ชาติยอมรับ น้ำท่วมกระทบการชำระหนี้ภาคครัวเรือน และอาจลามถึงสินเชื่อใหม่ พร้อมเกาะติดสถานการณ์จ้างงานใกล้ชิด ส่วนการประเมินค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจยังทำได้ยาก เพราะสถานการณ์ยังไม่จบ แห่เบิกเงินหนีน้ำท่วม ยอดสะพัดต้นปีถึงปัจจุบัน 1.2 ล้านล้านบาท เฉพาะเดือน ต.ค. เพิ่ม 17%
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น คาดว่าจะกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ภาคครัวเรือนของประชาชน และจำนวนสินเชื่อใหม่ ซึ่งประชาชนและภาคธุรกิจต้องการเพื่อฟื้นฟูหลังน้ำลดนั้น ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน โดยยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ามาตรการการยืดเวลาการชำระหนี้ ลดภาระวงเงินผ่อนชำระ และดอกเบี้ย รวมทั้งให้เงินสินเชื่อใหม่นั้น เป็นแนวทางที่เหมาะสม ครอบคลุม และสามารถช่วยลูกหนี้ได้
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุอุทกภัยอัตราการว่างงานของไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 1 มีอัตราการว่างงานน้อย ซึ่งต้องดูภายหลังจากน้ำลดอีกครั้ง หากนายจ้างลอยแพแรงงาน ก็จะต้องพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวต่อว่า การประเมินความเสียหายของสินทรัพย์ขณะนี้ประเมินได้ยาก คงต้องเข้าไปสำรวจอีกครั้งหลังน้ำลด และมีความเป็นไปได้เมื่อสินทรัพย์เสียหายจะส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายให้ลดลงตามไปด้วย
ด้าน นายนพพร ประโมจนีย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธปท.กล่าวว่า ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบตั้งแต่ต้นปี 2554 ถึงปัจจุบัน มียอดเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% จากระดับ 1 ล้านล้านบาทเศษ ในปี 2553 โดยการเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ทำให้ธนาคารพาณิชย์มียอดการเบิกถอนเงินสดจาก ธปท.เพิ่มขึ้น เพื่อสำรองให้ลูกค้าของธนาคาร
“ปริมาณเงินสดโดยเฉลี่ยของทุกปีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 6% มีช่วง 2-3 ปีหลังที่เพิ่มขึ้นในระดับ 10% ส่วนปีนี้ก่อนจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ปริมาณเงินสดหมุนเวียนในระบบก็เพิ่มขึ้นประมาณ 10% เช่นกัน แต่พอมาในช่วงเหตุการณ์โดยเฉพาะเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเงินสดหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นถึง 7% ทำให้ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นแล้วประมาณ 17%”
สำหรับยอดการเบิกถอนเงินสดของธนาคารพาณิชย์จาก ธปท.พบว่า เมื่อวัน 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์มีการเบิกถอนเงินสดจาก ธปท.รวมประมาณ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 6-7 เท่าเมื่อช่วงปกติ ที่มียอดการเบิกถอน 2,000-3,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดเบิกถอนเฉลี่ยส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเบิกถอนเพิ่มขึ้นจากระดับปกติประมาณ 3-4 เท่า