ธนชาต เผย แผนหลังควบรวมสคิบ-ขึ้นแท่นแบงก์ที่มีสาขามากเป็นอันดับ 5 พร้อมรุกในทุกด้าน เงินฝาก-สินเชื่อทุกกลุ่ม และรักษาแชมป์เช่าซื้อ ตั้งเป้าสินเชื่อโตตามจีดีพี พร้อมปั้นสินทรัพย์แตะ 1 ล้านล้านใน 2-3 ปี
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)(TBANK) เปิดเผยว่า ภายหลังกระบวนการควบรวมระหว่างธนาคาร กับธนาคารนครหลวงไทย เสร็จสิ้น มีผลให้ธนาคารธนชาตขยับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีเครือข่ายสาขามากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ มีสาขามากกว่า 680 สาขา มีตู้เอทีเอ็มที่พร้อมให้ความสะดวกทางการเงินกับลูกค้ากว่า 2,100 ตู้ทั่วประเทศ พร้อมกับเครือข่ายสาขาของสโกเทียแบงก์ในอีก 50 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังทำให้ธนาคารมีความพร้อมในช่องทางในการบริการลูกค้าอย่างครบวงจร และสามารถขยายธุรกิจได้ทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก สินเชื่อกลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้าสถาบัน และลูกค้ารายกลางและย่อม รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น โดยธนาคารได้ตั้งเป้าหมายเป็นธนาคารชั้นนำระดับ Top Five ของประเทศ และมีมูลค่าสินทรัพย์จะทะลุเป็น 1 ล้านล้านบาทในอีก 2-3 ปี จากปัจจุบันที่มีสินทรัพย์ 8.5 แสนล้านบาท มีลูกค้ากว่า 4 ล้านราย
นายสมเจตน์ กล่าวอีกว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ประเมินแล้วว่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ความพร้อมทั้งด้านเครือข่ายและผลิตภัณฑ์ ทำให้ธนาคารมั่นใจว่า จะสามารถรุกได้ในทุกๆกลุ่ม พร้อมทั้งยังรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านเช่าซื้อรถยนต์อยู่ โดยได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจคือประมาณ 5% โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
“ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยการอุปโภคบริโภคในสัดส่วนที่สูงขึ้น จากผลผลิตทางการเกษตรที่ดี และยังมีแนวโน้มที่ดีต่อไป จึงเน้นการรุกลูกค้าในกลุ่มนี้เป็นพิเศษ โดยปัจจุบันโครงสร้างสินเชื่อของธนาคารเป็นสัดส่วนของลูกค้าบุคคล 55-60% ลูกค้ารายใหญ่และเอสเอ็มอี 35-40% ซึ่งคาดว่าในอีก 2-3 ปี สัดส่วนของลูกค้าบุคคลจะเพิ่มขึ้นเป็น 65-70%”
สำหรับกรณีน้ำท่วมนั้น ธนาคารได้ให้สาขาติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง แต่ธนาคารก็มีมาตรการต่างๆเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยืดชำระหนี้ พักชำระหนี้ หรือสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง
สโกเทียฯยันวิกฤตยุโรปไม่กระทบ
นายแบรนดอน คิง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต กล่าวว่า กรณีวิกฤตเศรษฐกิจของยุโรปนั้น ไม่ส่งผลต่อสโกเทียแบงก์ เนื่องจากธนาคารมีเงินลงทุนในแถบประเทศดังกล่าวจำนวนน้อย ซึ่งสโกเทียฯก็ยังมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยและพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของธนาคารอย่างเต็มที่ โดยจะนำมาตรฐานการดำเนินงานระดับโลกของสโกเทียฯมาผสมผสานกับความเชี่ยวชาญทางการเงินในประเทศของธนชาต ซึ่งจะทำให้ธนาคารธนชาตสามารถให้บริการทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการในประเทศ และบริการทางการเงินระหว่างประเทศผ่านเครือข่ายของสโกเทียฯทั่วโลก
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)(TBANK) เปิดเผยว่า ภายหลังกระบวนการควบรวมระหว่างธนาคาร กับธนาคารนครหลวงไทย เสร็จสิ้น มีผลให้ธนาคารธนชาตขยับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีเครือข่ายสาขามากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ มีสาขามากกว่า 680 สาขา มีตู้เอทีเอ็มที่พร้อมให้ความสะดวกทางการเงินกับลูกค้ากว่า 2,100 ตู้ทั่วประเทศ พร้อมกับเครือข่ายสาขาของสโกเทียแบงก์ในอีก 50 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังทำให้ธนาคารมีความพร้อมในช่องทางในการบริการลูกค้าอย่างครบวงจร และสามารถขยายธุรกิจได้ทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก สินเชื่อกลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้าสถาบัน และลูกค้ารายกลางและย่อม รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น โดยธนาคารได้ตั้งเป้าหมายเป็นธนาคารชั้นนำระดับ Top Five ของประเทศ และมีมูลค่าสินทรัพย์จะทะลุเป็น 1 ล้านล้านบาทในอีก 2-3 ปี จากปัจจุบันที่มีสินทรัพย์ 8.5 แสนล้านบาท มีลูกค้ากว่า 4 ล้านราย
นายสมเจตน์ กล่าวอีกว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ประเมินแล้วว่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ความพร้อมทั้งด้านเครือข่ายและผลิตภัณฑ์ ทำให้ธนาคารมั่นใจว่า จะสามารถรุกได้ในทุกๆกลุ่ม พร้อมทั้งยังรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านเช่าซื้อรถยนต์อยู่ โดยได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจคือประมาณ 5% โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
“ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยการอุปโภคบริโภคในสัดส่วนที่สูงขึ้น จากผลผลิตทางการเกษตรที่ดี และยังมีแนวโน้มที่ดีต่อไป จึงเน้นการรุกลูกค้าในกลุ่มนี้เป็นพิเศษ โดยปัจจุบันโครงสร้างสินเชื่อของธนาคารเป็นสัดส่วนของลูกค้าบุคคล 55-60% ลูกค้ารายใหญ่และเอสเอ็มอี 35-40% ซึ่งคาดว่าในอีก 2-3 ปี สัดส่วนของลูกค้าบุคคลจะเพิ่มขึ้นเป็น 65-70%”
สำหรับกรณีน้ำท่วมนั้น ธนาคารได้ให้สาขาติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง แต่ธนาคารก็มีมาตรการต่างๆเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยืดชำระหนี้ พักชำระหนี้ หรือสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง
สโกเทียฯยันวิกฤตยุโรปไม่กระทบ
นายแบรนดอน คิง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต กล่าวว่า กรณีวิกฤตเศรษฐกิจของยุโรปนั้น ไม่ส่งผลต่อสโกเทียแบงก์ เนื่องจากธนาคารมีเงินลงทุนในแถบประเทศดังกล่าวจำนวนน้อย ซึ่งสโกเทียฯก็ยังมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยและพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของธนาคารอย่างเต็มที่ โดยจะนำมาตรฐานการดำเนินงานระดับโลกของสโกเทียฯมาผสมผสานกับความเชี่ยวชาญทางการเงินในประเทศของธนชาต ซึ่งจะทำให้ธนาคารธนชาตสามารถให้บริการทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการในประเทศ และบริการทางการเงินระหว่างประเทศผ่านเครือข่ายของสโกเทียฯทั่วโลก
