xs
xsm
sm
md
lg

นครหลวงยันประกันชีวิตไม่ควบ เหตุภาษีแพง-ใช้2บริษัทแตกไลน์สินค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประกันชีวิตนครหลวงยันไม่ควบธนชาต หลังจบดีลเมิส 2 แบงก์แม่ เหตุมาตรการภาษีไม่จูงใจดันต้นทุนสูงขึ้น มั่นใจเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย และมีสินค้าครบทุกไลน์มากขึ้น ระบุครึ่งหลังเล็งรักษาฐานลูกค้าเดิมก่อน พร้อมออกสินค้าใหม่เน้นให้ความคุ้มครองตลอดชีพมากขึ้น ขณะเดียวกันวางแผนระยะยาวรับเสรีการเงิน หาพันธมิตรเพิ่มศักยภาพเพื่อการแข่งขัน

นางจันทรจรัส บุญคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทประกันชีวิต นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากการควบรวมกิจการของธนาคารธนชาต และธนาคารนครหลวงไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยจะยังไม่มีการควบรวมบริษัทประกันชีวิตภายในเครือแต่อย่างใด เนื่องจากขาดความจูงใจด้านภาษีที่จะทำให้มีต้นทุนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของชื่อ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

"ถ้าจะมีการควบรวมก็เป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้มาตรการภาษีมันไม่จูงใจ เพราะเขาจะคำนวณสินทรัพย์ของอีกบริษัทหนึ่งไปเป็นรายได้ของอีกบริษัท ซึ่งถ้าดูคร่าวๆ ตรงนี้ต้องเสียภาษีประมาณ 30% หรือถ้าเรามีสินทรัพย์ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จะต้องเสียภาษีถึง 3 พันล้านบาทก็มากพอดู"นางจันทรกล่าว

อย่างไรก็ตามในส่วนของการดำเนินงานหลังจากนี้ เชื่อว่าจะไม่ทับซ้อนกันเนื่องจากประกันชีวิตทั้ง 2 บริษัทมีกลุ่มลูกค้าและสินค้าที่แตกต่างกัน โดยที่ผ่านมากว่า 95% ของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ และสะสมทรัพย์ ซึ่งต่างจากของธนชาตประกันชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นประกันกลุ่มและประกันสินเชื่อเช่าซื้อ ทำให้เป็นการดีแก่ลูกค้าที่สามารถเลือกสินค้าได้หลากหลาย เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทมีรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากขึ้น

นางจันทรจรัส กล่าวอีกว่า ในส่วนของผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นถึง 33% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวผ่านช่องทางธนาคารเป็นหลัก ส่วนในปีนี้คาดว่าผลการดำเนินงานในส่วนของเบี้ยรับรวมคงจะขยายตัวได้ไม่มากนัก เนื่องจากลูกค้าน่าจะยังสับสนกับเรื่องการควบรวมอยู่ และบริษัทเองจะเน้นรักษาฐานลูกค้าเก่าเป็นหลักก่อน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ค่อนข้างสูงประมาณ 95% ของลูกค้า 1 แสนราย

ทั้งนี้ ในส่วนของผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านบาท โดยหลังจากนี้ประมาณไตรมาส 4 บริษัทจะหันมาเน้นการออกสินค้าประเภทให้ความคุ้มครอง และตลอดชีพเพิ่มมากขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นกรรมธรรม์ประเภทออมทรัพย์เป็นหลัก

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรีมความพร้อมเพื่อรับการเปิดเสรีทางการเงินในปี 2558 โดยเชื่อว่าภายหลังจากการเปิดเสรีทางการเงินแล้วจะทำให้เกิดการแข่งขันในด้านต่างๆ มากขึ้น และน่าจะมีการควบรวมกันของบริษัทประกันชีวิตมากขึ้น ซึ่งในส่วนของบริษัทคงจะไม่ปิดกันในเรื่องการหาพันธมิตรใหม่ แต่น่าจะเป็นการหาพันธมิตรที่ช่วยในเรื่องของช่องทางการขาย และการพัฒนาสินค้า ร่วมถึงการเพิ่มความรู้ในการบริหารงานประกันชีวิตมากกว่าการเข้าไปถือหรือขายหุ้นให้แก่บริษัทอื่น

"แน่นอนว่าเมื่อเปิดเสรีแล้วการแข่งขันก็จะตามมา ซึ่งเราจะต้องเสริมศักยภาพให้แข็งแกร่ง ซึ่งเรื่องการขายหุ้นหรือไม่นั้นต้องบอกว่าเราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และความจริงการควบรวมก็ทำให้แข็งแกร่ง แต่เราต้องการให้เติบโตในส่วนของเราที่เกิดขึ้นจริง ส่วนการหาพันธมิตรใหม่เราไม่จำเป็นต้องขายหุ้นออกไป แต่จะเป็นการร่วมมือกันดูเรื่องสินค้า หรือเป็นบริษัทร่วมธุรกิจหรือจอยเวนเจอร์ก็ได้ ซึ่งมันจะต้องมีหลายด้านรวมถึงโนว์ฮาวด้วย"นางจันทร์จรัศกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น