ก.ล.ต.สั่งพักมาร์เก็ตติ้ง 2 ราย เหตุไม่บันทึกคำสั่งซื้อและยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุนเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1ก.ย. นี้เป็นต้นไป และตำหนิมาร์เก็ตติ้งอีก 2 รายเพราะยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้า ผิดมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนตามข้อ 14(7) และข้อ 14(2) และ ไม่เหมาะสมในหน้าที่
สำนักงานคณะกรรมกรรกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน (เจ้าหน้าที่การตลาดหรือมาร์เก็ตติ้ง ) 2 ราย คือนางวนิดา สร้อยทอง เนื่องจากไม่บันทึกเทปแสดงที่มาของคำสั่งจากลูกค้าให้ครบถ้วน และนายจินดาวัฒน์ จงสุขกลาง เนื่องจากยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน โดยสั่งพักเป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.54 และตำหนิผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนอีก 2 รายคือ นางสาวศรีศุภลักษณ์ รอดอริ และ นายสุรัตน์ บุญรัตน์ กรณียุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน
กรณีนางวนิดา สร้อยทอง ก.ล.ต. ได้รับการชี้เบาะแสว่านางวนิดาส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในบัญชีลูกค้าโดยไม่มีที่มาของคำสั่งจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องและในจำนวนที่สูงมาก ซึ่งนางวนิดายอมรับว่ารับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเจตนาหลักเลี่ยงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับบริษัทหลักทรัพย์ในเรื่องการจัดเก็บบันทึกการให้คำแนะนำและการรับคำสั่งซื้อขาย การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนตามข้อ 14(7) แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จึงสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนางวนิดา เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ก.ย. 54 เป็นต้นไป
กรณีนายจินดาวัฒน์ จงสุขกลาง ก.ล.ต. ได้รับรายงานว่าลูกค้าร้องเรียนเพราะมีการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าโดยลูกค้าไม่ได้สั่ง ทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย ซึ่งตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า นายจินดาวัฒน์ตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนลูกค้า โดยส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีก่อนแล้วค่อยแจ้งให้ลูกค้าทราบภายหลัง และได้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้าต่อวันในปริมาณค่อนข้างสูงและทำต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน การกระทำของนายจินดาวัฒน์เป็นการยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้า
กรณีนางสาวศรีศุภลักษณ์ รอดอริ ได้รับข้อร้องเรียนว่า นางสาวศรีศุภลักษณ์ได้ส่งคำสั่งขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้า โดยที่ลูกค้าไม่ได้สั่ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนผู้ลงทุนและเป็นการยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน ส่วนกรณีนายสุรัตน์ บุญรัตน์ ได้รับข้อร้องเรียน ว่านายสุรัตน์ได้สั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าโดยลูกค้าไม่ได้สั่งและไม่เคยรู้จักหลักทรัพย์ดังกล่าว การกระทำนี้พิจารณาได้ว่าเป็นการยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในฐานะผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน
การกระทำของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนทั้งสามรายข้างต้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานข้อ 14(2) แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จึงได้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.54
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส ก.ล.ต. กล่าวว่า " เจ้าหน้าที่การตลาดจะต้องบันทึกเทปคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์และการสนทนากับลูกค้าไว้ทุกครั้ง เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเจ้าหน้าที่การตลาดและลูกค้า หากมีการโต้แย้งหรือร้องเรียนเกี่ยวกับการส่งคำสั่งซื้อขาย ซึ่งการบันทึกเทปการติดต่อกับลูกค้าเป็นหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานสากลที่ประเทศต่าง ๆ บังคับใช้อย่างเคร่งครัด การตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ก่อนแล้วแจ้งให้ลูกค้าทราบในภายหลังเป็นการกระทำผิดมาตรฐานและจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพ บ่อยครั้งที่ทำให้เกิดความเสียหายและนำไปสู่การโต้แย้ง หรือร้องเรียน ทำให้ผู้ลงทุนขาดความมั่นใจในตลาดทุนโดยรวม ถือเป็นข้อห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่การตลาด
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ไม่สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่การตลาดรับคำสั่งซื้อขายผ่านอีเมล์สาธารณะต่าง เพราะไม่สามารถตรวจสอบการมีตัวตนของลูกค้าได้ หากลูกค้ามีการส่งอีเมล์ เพื่อทำการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น เจ้าหน้าที่การตลาดควรใช้โทรศัพท์ที่สามารถบันทึกเทปได้ยืนยันการส่งคำสั่งซื้อขาย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าได้มีการส่งคำสั่งซื้อขายดังกล่าวจริง เพื่อเก็บเป็นหลักฐานไว้ด้วย
สำนักงานคณะกรรมกรรกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน (เจ้าหน้าที่การตลาดหรือมาร์เก็ตติ้ง ) 2 ราย คือนางวนิดา สร้อยทอง เนื่องจากไม่บันทึกเทปแสดงที่มาของคำสั่งจากลูกค้าให้ครบถ้วน และนายจินดาวัฒน์ จงสุขกลาง เนื่องจากยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน โดยสั่งพักเป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.54 และตำหนิผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนอีก 2 รายคือ นางสาวศรีศุภลักษณ์ รอดอริ และ นายสุรัตน์ บุญรัตน์ กรณียุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน
กรณีนางวนิดา สร้อยทอง ก.ล.ต. ได้รับการชี้เบาะแสว่านางวนิดาส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในบัญชีลูกค้าโดยไม่มีที่มาของคำสั่งจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องและในจำนวนที่สูงมาก ซึ่งนางวนิดายอมรับว่ารับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเจตนาหลักเลี่ยงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับบริษัทหลักทรัพย์ในเรื่องการจัดเก็บบันทึกการให้คำแนะนำและการรับคำสั่งซื้อขาย การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนตามข้อ 14(7) แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จึงสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนางวนิดา เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ก.ย. 54 เป็นต้นไป
กรณีนายจินดาวัฒน์ จงสุขกลาง ก.ล.ต. ได้รับรายงานว่าลูกค้าร้องเรียนเพราะมีการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าโดยลูกค้าไม่ได้สั่ง ทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย ซึ่งตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า นายจินดาวัฒน์ตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนลูกค้า โดยส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีก่อนแล้วค่อยแจ้งให้ลูกค้าทราบภายหลัง และได้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้าต่อวันในปริมาณค่อนข้างสูงและทำต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน การกระทำของนายจินดาวัฒน์เป็นการยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้า
กรณีนางสาวศรีศุภลักษณ์ รอดอริ ได้รับข้อร้องเรียนว่า นางสาวศรีศุภลักษณ์ได้ส่งคำสั่งขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้า โดยที่ลูกค้าไม่ได้สั่ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนผู้ลงทุนและเป็นการยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน ส่วนกรณีนายสุรัตน์ บุญรัตน์ ได้รับข้อร้องเรียน ว่านายสุรัตน์ได้สั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าโดยลูกค้าไม่ได้สั่งและไม่เคยรู้จักหลักทรัพย์ดังกล่าว การกระทำนี้พิจารณาได้ว่าเป็นการยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในฐานะผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน
การกระทำของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนทั้งสามรายข้างต้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานข้อ 14(2) แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จึงได้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.54
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส ก.ล.ต. กล่าวว่า " เจ้าหน้าที่การตลาดจะต้องบันทึกเทปคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์และการสนทนากับลูกค้าไว้ทุกครั้ง เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเจ้าหน้าที่การตลาดและลูกค้า หากมีการโต้แย้งหรือร้องเรียนเกี่ยวกับการส่งคำสั่งซื้อขาย ซึ่งการบันทึกเทปการติดต่อกับลูกค้าเป็นหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานสากลที่ประเทศต่าง ๆ บังคับใช้อย่างเคร่งครัด การตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ก่อนแล้วแจ้งให้ลูกค้าทราบในภายหลังเป็นการกระทำผิดมาตรฐานและจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพ บ่อยครั้งที่ทำให้เกิดความเสียหายและนำไปสู่การโต้แย้ง หรือร้องเรียน ทำให้ผู้ลงทุนขาดความมั่นใจในตลาดทุนโดยรวม ถือเป็นข้อห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่การตลาด
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ไม่สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่การตลาดรับคำสั่งซื้อขายผ่านอีเมล์สาธารณะต่าง เพราะไม่สามารถตรวจสอบการมีตัวตนของลูกค้าได้ หากลูกค้ามีการส่งอีเมล์ เพื่อทำการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น เจ้าหน้าที่การตลาดควรใช้โทรศัพท์ที่สามารถบันทึกเทปได้ยืนยันการส่งคำสั่งซื้อขาย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าได้มีการส่งคำสั่งซื้อขายดังกล่าวจริง เพื่อเก็บเป็นหลักฐานไว้ด้วย
