xs
xsm
sm
md
lg

พลาสติกอาเซียนจับมือลุยตลาดจีน เล็งร่วมทุน ตั้งโรงงาน-ลดคอสต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกอาเซียน เห็นพ้องร่วมมือกันพัฒนาสินค้าบุกจีนและตลาดโลก แทนการแข่งขันกันเอง มองถึงขั้นร่วมทุนตั้งโรงงานในประเทศที่มีความได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต

นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมของกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกในอาเซียน (Asean Federation of Plastic Industries : AFPI) ที่ประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีประเทศสมาชิก 7 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์เวียดนาม และพม่าเข้าร่วมประชุม ได้มีข้อสรุปร่วมกันของผู้ผลิตเม็ดพลาสติกและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกในอาเซียนจะต้องร่วมมือกันเพื่อแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจากตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 เป็นตลาดเล็กแค่ 600 ล้านคน ไม่ใช่สิ่งท้าทายที่ผู้ประกอบการจะต้องมีแข่งขันชิงตลาดนี้ ดังนั้น ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกจะร่วมทุนกับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์พลาสติกในอาเซียน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี สนองความต้องการของตลาด โดยอาจจะพิจารณาว่าผลิตสินค้าชนิดใดที่ประเทศในอาเซียนจึงจะมีต้นทุนที่ต่ำและคุ้มการลงทุนที่สุด ซึ่งรูปแบบความร่วมมือนี้จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้นับตั้งแต่ต้นทางไปจนปลายทาง

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรมพลาสติกในอาเซียนควรร่วมมือกันเพื่อบุกตลาดจีน เนื่องจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 (ปี 2554-2558) ระบุว่าจีนจะเน้นการพึ่งพาตนเอง อาศัยการเติบโตภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งอาเซียนควรใช้โอกาสนี้ในการทำตลาด เพราะจีนต้องพึ่งพาการนำเข้าเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงจากต่างประเทศเพื่อผลิตพลาสติกที่ใช้ทดแทนชิ้นส่วนโลหะที่มีโอกาสเติบโตได้มาก เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งผู้ผลิตเม็ดพลาสติกในอาเซียนสามารถผลิตเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงได้ และมีเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น PTTCH ที่มีการผลิตเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษอยู่แล้ว

นอกเหนือจากตลาดจีน อาเซียนยังอาศัยความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอื่นภายใต้ ASEAN+3 ประกอบด้วย อาเซียนและญี่ปุ่น เกาหลีใต้และ และ ASEAN+6 ประกอบด้วย อาเซียนกับ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในการทำตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งนับวันพลาสติกจะเข้าไปทดแทนผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า

ปัจจุบันยอดขายอุตสาหกรรมพลาสติกในไทยมีมูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/ปี ใหญ่กว่ายอดขายอุตสาหกรรมพลาสติกในสิงคโปร์ที่มีมูลค่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ/ปี ส่วนความต้องการใช้เม็ดพลาสติกในอาเซียนไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านตัน/ปี มูลค่าตลาดพลาสติกในอาเซียนแต่ละปีมีอัตราการเติบโต 3% หากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอาเซียนมีความร่วมมือในการบุกตลาดจีนเชื่อว่าอัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นเป็น 5%

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมพลาสติกในอาเซียนมีเพียง 3 ประเทศที่มีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกเกินความต้องการใช้ภายในประเทศจนต้องส่งออก ได้แก่ สิงคโปร์มาเลเซียและไทย

ที่ผ่านมา บริษัทให้ความสำคัญในการส่งออกเม็ดพลาสติกไปยังตลาดอาเซียน ก็คงต้องมองดูลู่ทางการลงทุนในประเทศเหล่านี้ด้วย โดยมองว่าอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากและยังต้องนำเข้าเม็ดพลาสติกเกือบทุกชนิด ดังนั้น บริษัทมีแผนจะเข้าไปลงทุนทั้งในรูปแบบการร่วมมือกับผู้ใช้เม็ดพลาสติกในประเทศนั้นๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม และขยายกำลังการผลิตของผู้ใช้เม็ดพลาสติกมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค
กำลังโหลดความคิดเห็น