ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ หวังดันตลาดอนุพันธ์ไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายในภูมิภาคนี้ คาด เห็นภายในปลายปีหน้า “เกศรา” แจง เตรียมหารือ บลจ.ออกกองทุนอิงดัชนีหุ้นเอ็มเอไอ หลังพบการเคลื่อนไหวไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เหมือนเซ็ตอินเด็กซ์ที่ปรับตัวลดลงแรงจากปัญหาวิกฤตสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับนักลงทุน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะให้ตลาดอนุพันธ์ของไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายอนุพันธ์ในภูมิภาคนี้ คาดว่า จะเห็นได้ภายในปลายปีหน้า ซึ่งปัจจุบันตลาดอนุพันธ์ของไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น และหากในปีหน้าจะมีการรวมตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเข้ามายิ่งทำให้ตลาดอนุพันธ์ไทยมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ทองคำ น้ำมัน ข้าว ยางพารา
ทั้งนี้ จะต้องมีการวางแผนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อที่จะทำให้นักลงทุนในภูมิภาคนี้หากจะต้องการลงทุนในอนุพันธ์ จะต้องเข้ามาซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ของประเทศไทย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการประชาสัมพันธ์ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะมีการคุยกับทางบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ในประเทศ ในการที่จะทำให้ช่องทางการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาอนุพันธ์เข้ามาได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาตลาดอนุพันธ์ไทยที่มีการเติบโตมากขึ้น มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่สูงเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างประเทศ การเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเทรดมากขึ้น และจากการที่ในปีหน้าจะมีการอาเซียนลิงก์เกจนั้น ก็จะยิ่งส่งผลดีทำให้โบรกเกอร์ต่างประเทศที่ไม่มีสาขา หรือทำธุรกิจในประเทศไทย จะทำให้มีช่องทางและสามารถเชื่อมต่อในการเข้ามาลงทุนในตลาดอนุพันธ์จของประเทศไทย ได้สะดวกมากขึ้น
นายจรัมพร กล่าวว่า ในส่วนของการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส ของตลาดอนุพันธ์ไทยปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกแล้ว แต่หากเป็นการซื้อขายทองแท่งนั้น ไทยอยู่ในอันดับที่ 3 รอง จากประเทศจีน และ อินเดีย
นางเกศรา มัญชุศรี ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ทางตลาดหลักทรัพย์จะมีการนำข้อมูลการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)ไปเสนอให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อหวังว่าบลจ.จะมีความสนใจที่จะมีการออกกองทุนเพื่ออ้างอิงกับดัชนีเอ็มเอไอ เนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) มีการปรับตัวตัวแรงลดลง จากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่ดัชนีเอ็มเอไอมีการปรับตัวลดลงไม่มาก ซึ่งบางวันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับดัชนี SET
ทั้งนี้ ถือว่าน่าสนใจที่กองทุนจะมีการนำไปอ้างอิงในการออกกองทุนเพื่อออกกองทุน ซึ่งถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนของนักลงทุน โดยข้อมูลที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำเสนอนั้นเป็นข้อมูลจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับทางบลจ.จะสนใจในการดำเนินการดังกล่าวหรือไม่ และจากการที่ค่า P/E 20 เท่าแต่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำ
“ตลาดหลักทรัพย์จะมีการชักชวนให้ บลจ.ว่า สนใจมั้ยที่จะออกกองทุนที่อ้างอิงกับดัชนีตลาดหุ้นเอ็มเอไอ จากที่จะนำข้อมูลไปให้ บลจ.ดูในเรื่องทิศทางการปรับตัว ว่ากองทุนจะสนหรือไม่ ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการนัดคุยกับ บลจ.ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยถือว่าเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่ดีอีกทางหนึ่ง” นางเกศรา กล่าว
สำหรับที่ผ่านมามี บลจ.ที่มีการออกกองทุนอ้างอิงดัชนีตลาดหุ้นเอ็มเอไอ เพียง 1 กอง คือ บลจ.ไทยพาณิชย์จำกัด คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ (SCBLT3)
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะให้ตลาดอนุพันธ์ของไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายอนุพันธ์ในภูมิภาคนี้ คาดว่า จะเห็นได้ภายในปลายปีหน้า ซึ่งปัจจุบันตลาดอนุพันธ์ของไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น และหากในปีหน้าจะมีการรวมตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเข้ามายิ่งทำให้ตลาดอนุพันธ์ไทยมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ทองคำ น้ำมัน ข้าว ยางพารา
ทั้งนี้ จะต้องมีการวางแผนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อที่จะทำให้นักลงทุนในภูมิภาคนี้หากจะต้องการลงทุนในอนุพันธ์ จะต้องเข้ามาซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ของประเทศไทย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการประชาสัมพันธ์ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะมีการคุยกับทางบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ในประเทศ ในการที่จะทำให้ช่องทางการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาอนุพันธ์เข้ามาได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาตลาดอนุพันธ์ไทยที่มีการเติบโตมากขึ้น มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่สูงเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างประเทศ การเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเทรดมากขึ้น และจากการที่ในปีหน้าจะมีการอาเซียนลิงก์เกจนั้น ก็จะยิ่งส่งผลดีทำให้โบรกเกอร์ต่างประเทศที่ไม่มีสาขา หรือทำธุรกิจในประเทศไทย จะทำให้มีช่องทางและสามารถเชื่อมต่อในการเข้ามาลงทุนในตลาดอนุพันธ์จของประเทศไทย ได้สะดวกมากขึ้น
นายจรัมพร กล่าวว่า ในส่วนของการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส ของตลาดอนุพันธ์ไทยปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกแล้ว แต่หากเป็นการซื้อขายทองแท่งนั้น ไทยอยู่ในอันดับที่ 3 รอง จากประเทศจีน และ อินเดีย
นางเกศรา มัญชุศรี ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ทางตลาดหลักทรัพย์จะมีการนำข้อมูลการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)ไปเสนอให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อหวังว่าบลจ.จะมีความสนใจที่จะมีการออกกองทุนเพื่ออ้างอิงกับดัชนีเอ็มเอไอ เนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) มีการปรับตัวตัวแรงลดลง จากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่ดัชนีเอ็มเอไอมีการปรับตัวลดลงไม่มาก ซึ่งบางวันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับดัชนี SET
ทั้งนี้ ถือว่าน่าสนใจที่กองทุนจะมีการนำไปอ้างอิงในการออกกองทุนเพื่อออกกองทุน ซึ่งถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนของนักลงทุน โดยข้อมูลที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำเสนอนั้นเป็นข้อมูลจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับทางบลจ.จะสนใจในการดำเนินการดังกล่าวหรือไม่ และจากการที่ค่า P/E 20 เท่าแต่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำ
“ตลาดหลักทรัพย์จะมีการชักชวนให้ บลจ.ว่า สนใจมั้ยที่จะออกกองทุนที่อ้างอิงกับดัชนีตลาดหุ้นเอ็มเอไอ จากที่จะนำข้อมูลไปให้ บลจ.ดูในเรื่องทิศทางการปรับตัว ว่ากองทุนจะสนหรือไม่ ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการนัดคุยกับ บลจ.ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยถือว่าเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่ดีอีกทางหนึ่ง” นางเกศรา กล่าว
สำหรับที่ผ่านมามี บลจ.ที่มีการออกกองทุนอ้างอิงดัชนีตลาดหุ้นเอ็มเอไอ เพียง 1 กอง คือ บลจ.ไทยพาณิชย์จำกัด คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ (SCBLT3)