ตลาดหลักทรัพย์ เตรียมดึงสินค้า “น้ำมัน” เป็นดาวเด่นดวงใหม่ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า เริ่มเทรด ต.ค.นี้ “จรัมพร” มั่นใจ ได้รับความนิยมจาก นลท.ไม่แพ้ทองคำ เพราะมีกลุ่มผู้บริโภคมากกว่า คาดปลุกตลาด TFEX คึกคัก ขณะที่กลุ่ม ปตท.ส่ง ไทยออยล์ เข้าอุ้มแบ่งเงินเข้าซื้อสัญญา เชื่อมั่นหากเกิดได้จริงจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนแทนสิงคโปร์ ที่มีแต่การเทรดบนกระดาษ
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) กล่าวว่า เนื่องจากตลาดอนุพันธ์ จะเริ่ม เปิดเสรีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 จึงได้มีการเตรียมการอัปเกรดบริษัทนายหน้า (โบรกเกอร์) ทองคำทั้ง 6 ราย ให้สามารถซื้อขายสินค้า TFEX ได้ทุกชนิด รวมถึง ออยล์ ฟิวเจอร์ส (Oil Futures) ที่จะเปิดให้ทำการซื้อขายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องในตลาด TFEX และเพิ่มรายได้ให้กับโบรกเกอร์เหล่านี้ด้วย
ส่วน Market Maker ของสินค้า Oil Futures ทางตลาด TFEX เปิดรับในวงกว้าง โดยไม่เน้นเพียงโบรกเกอร์เพียงกลุ่มเดียว แต่ยังรวมถึงผู้ประกอบการที่มีความคุ้นเคยกับตลาดน้ำมันเป็นอย่างดี โดยขณะนี้กำลังคุยกับบริษัทในกลุ่มพลังงานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เข้ามาเป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) สำหรับสินค้า ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ ต่างมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในสินค้าน้ำมัน และเพื่อเข้ามาช่วยในการดูแลสภาพคล่องด้วย
ทั้งนี้ ปริมาณการซื้อขายของตลาด TFEX ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36,000 สัญญาต่อวัน โดยแบ่งเป็น STE50 ประมาณ 15,000 สัญญาต่อวัน สินค้า Gold Futures 14,000 สัญญาต่อวัน Single Stock 5,000 สัญญาต่อวัน และที่เหลือเป็น Options โดยภาพรวมของวอลุ่มของตลาด TFEX ในปี 2554 โตขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปลายปีก่อนที่มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 18,000 สัญญาต่อวัน
ด้าน นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง ราคาน้ำมันที่เคลื่อนไหวผันผวนในขณะนี้ โดยได้รับความร่วมมือทั้งจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เป็นมาร์เก็ตเมกเกอร์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายให้กับตลาด Oil Futures ดังกล่าว
“ปกติมีการใช้น้ำมันอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก Oil Futures จึงมั่นใจว่า น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อขายใน Gold Futures ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงอยู่ในอันดับ 5 ของโลก หรือมีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อวัน”
ด้าน นายสุรงค์ บูลกุล ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า Oil Futures ถือเป็นมิติใหม่ของการลงทุน ในตลาดอนุพันธ์ ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันที่ประมาณการไว้ล่วงหน้า เป็นไปตามเป้าหมาย และเป็นกลไกให้นักลงทุนในตลาดโภคภัณฑ์ มีการขยายตัวมากขึ้น ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมของตลาดหุ้นไทย ในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และเปิดรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ด้วย
ดังนั้น เมื่อไทยมีตลาดอนุพันธ์ออยล์ฟิวเจอร์ส ไทยออยล์ก็จะกันเงินลงทุนส่วนหนึ่งมาลงทุนในออยล์ฟิวเจอร์สด้วยในฐานะนักลงทุน (Player) แต่ไม่ใช่ในฐานะ Market Maker เนื่องจากราคาน้ำมันดิบจะอิงราคาตลาดโลก ไทยออยล์ไม่สามารถไปสร้างราคาได้และในอนาคต ไทยออยล์พร้อมที่จะทำหน้าที่ในการส่งมอบน้ำมันจริงให้กับนักลงทุนที่เข้ามาซื้อออยล์ฟิวเจอร์ส หากต้องการน้ำมันจริง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ผันผวนในอนาคต รวมทั้งยังเป็นการบริหารต้นทุนพลังงานให้กับผู้ประกอบการด้วย นอกจากนี้ หากตลาดออยล์ฟิวเจอร์สประสบความสำเร็จก็จะมีการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามา อาทิ น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน ดีเซล รวมไปถึงเอทานอล เป็นต้น
“กลุ่ม ปตท.ได้มอบหมายให้ไทยออยล์เป็นแกนหลักในการที่จะสนับสนุนการเพิ่มสภาพคล่องให้กับออยล์ฟิวเจอร์สเพื่อให้ตลาดมีการพัฒนา และขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งหากตลาดอนุพันธ์ฯมีการให้ความรู้ความเข้าใจที่ดีก็จะส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าในอาเซียนรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งไทยมีศักยภาพเพราะมีการใช้น้ำมันจริงวันละ 1 ล้านบาร์เรล ไม่ได้มีแค่เทรดเปเปอร์เหมือนสิงคโปร์”
ด้าน นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ ผู้จัดการวางแผนพาณิชย์องค์กร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดิมปีนี้มีการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบในตลาดโลกจะเติบโต 1.2-1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากความต้องการใช้รวม 90 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่หลังจากมีการลดเครดิตความน่าเชื่อถือสหรัฐฯ และปัญหาหนี้สินในยุโรปทำให้มอร์แกน สแตนเลย์ ปรับแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้ลดลงเหลือร้อยละ 3.9 เชื่อว่า คงไม่กระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียที่มีการบริโภคน้ำมันโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ไทยออยล์ มองตลาดน้ำมันโลกยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาหนี้สินในสหรัฐและยุโรปไม่น่าห่วงมาก ส่วนกำลังการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของลิเบียไม่น่าจะกลับมาเร็ว ดังนั้นราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในไตรมาส 4 นี้น่าจะอยู่ที่ 112 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
