หุ้นไทย บวกเพิ่ม 10 จุด ตามตลาดภูมิภาค รับข่าวดีการปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ และความชัดเจนต่อรัฐบาลใหม่ที่มีเพิ่มขึ้น ต่างชาติซื้อสุทธิ 4.2 พันล้านบาท ด้านพอร์ต บล.ก็เข้าช้อนกว่าพันล้าน โบรกฯประเมินดัชนีวันนี้ถ้าจะไม่มาก เพราะมีรองรับจากการประการผลประกอบการ บจ.แต่ขึ้นก็ไม่สูงเพราะจะมีแรงเทขายทำกำไร
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (1 ส.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,144.14 จุด เพิ่มขึ้น 10.61 จุด หรือ 0.94% มูลค่าการซื้อขาย 34,640.05 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,148.28 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,141.17 จุด นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 4,254.22 ล้านบาท เช่นเดียวกับ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,049.54 ล้านบาท
ตลอดวันที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในต่างประเทศ ที่รอความชัดเจนจากสหรัฐฯ ในเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ เมื่อทุกอย่างเป็นดังที่คาด จึงมีแรงซื้อเข้ามา ขณะที่ในประเทศความชัดเจนเรื่องรัฐบาลก็มีเพิ่มขึ้น ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุน
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 324 หลักทรัพย์ ลดลง 118 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 157 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 2,187.33 ล้านบาท ปิดที่ 165.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,934.57 ล้านบาท ปิดที่ 350.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,403.16 ล้านบาท ปิดที่ 78.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,389.58 ล้านบาท ปิดที่ 32.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,208.94 ล้านบาท ปิดที่ 174.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในภูมิภาค ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวขึ้น 57.2 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 8,701.38 จุด, ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้น 131.98 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 9,965.01 จุด, ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดเพิ่มขึ้น 39.1 จุด หรือ 1.83% ที่ระดับ 2,172.31 จุด และดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง บวก 223.12 จุด หรือ 0.99% ปิดที่ 22,663.37 จุด
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ มีทิศทางสดใสตามที่คาด เนื่องจากประเด็นแผนการขยับเพิ่มเพดานหนี้มีแนวโน้มที่ดี ซึ่งน่าจะช่วยให้สหรัฐฯสามารถชำระหนี้ในวันที่ 2 สิงหาคมได้ตามกำหนด ขณะเดียวกันการจัดรัฐพิธีเปิดประชุมสภาครั้งแรก ก็ถือเป็นปัจจัยบวก เพราะส่งสัญญาณที่ดีทางการเมืองว่ามีความก้าวหน้าขึ้น จึงยิ่งมีผลบวกด้านจิตวิทยาการลงทุนมากขึ้น
ด้าน นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ตอบรับข่าวที่ประธานาธิบดี โอบามา ออกมาแถลงว่า รัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ร่วมกับผู้นำพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตแล้ว อย่างไรก็ตาม บางจังหวะมีแรงขายสลับออกมาบ้าง เนื่องจากตลาดฯปรับตัวขึ้นมามากแล้ว และต้องรอติดตามการลงมติเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ฯอย่างเป็นทางการของสภาคองเกรสคืนนี้ว่าจะเป็นไปตามที่ประธานาธิบดีโอบามาระบุไว้หรือไม่
ส่วนปัจจัยในประเทศไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลใหม่ ที่ต้องให้ผ่านพ้นกระบวนการเลือกประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี รวมทั้งการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีให้เรียบร้อยก่อน ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (2 ส.ค.) ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวทั้งขึ้นและลง คือถ้าอ่อนตัวลงจะมีแรงรับจากหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี แต่ถ้าปรับขึ้นก็คงไปไม่ไกลมาก เพราะจะมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยให้กรอบการเคลื่อนไหว 1,135-1,150 จุด
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (1 ส.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,144.14 จุด เพิ่มขึ้น 10.61 จุด หรือ 0.94% มูลค่าการซื้อขาย 34,640.05 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,148.28 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,141.17 จุด นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 4,254.22 ล้านบาท เช่นเดียวกับ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,049.54 ล้านบาท
ตลอดวันที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในต่างประเทศ ที่รอความชัดเจนจากสหรัฐฯ ในเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ เมื่อทุกอย่างเป็นดังที่คาด จึงมีแรงซื้อเข้ามา ขณะที่ในประเทศความชัดเจนเรื่องรัฐบาลก็มีเพิ่มขึ้น ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุน
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 324 หลักทรัพย์ ลดลง 118 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 157 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 2,187.33 ล้านบาท ปิดที่ 165.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,934.57 ล้านบาท ปิดที่ 350.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,403.16 ล้านบาท ปิดที่ 78.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,389.58 ล้านบาท ปิดที่ 32.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,208.94 ล้านบาท ปิดที่ 174.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในภูมิภาค ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวขึ้น 57.2 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 8,701.38 จุด, ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้น 131.98 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 9,965.01 จุด, ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดเพิ่มขึ้น 39.1 จุด หรือ 1.83% ที่ระดับ 2,172.31 จุด และดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง บวก 223.12 จุด หรือ 0.99% ปิดที่ 22,663.37 จุด
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ มีทิศทางสดใสตามที่คาด เนื่องจากประเด็นแผนการขยับเพิ่มเพดานหนี้มีแนวโน้มที่ดี ซึ่งน่าจะช่วยให้สหรัฐฯสามารถชำระหนี้ในวันที่ 2 สิงหาคมได้ตามกำหนด ขณะเดียวกันการจัดรัฐพิธีเปิดประชุมสภาครั้งแรก ก็ถือเป็นปัจจัยบวก เพราะส่งสัญญาณที่ดีทางการเมืองว่ามีความก้าวหน้าขึ้น จึงยิ่งมีผลบวกด้านจิตวิทยาการลงทุนมากขึ้น
ด้าน นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ตอบรับข่าวที่ประธานาธิบดี โอบามา ออกมาแถลงว่า รัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ร่วมกับผู้นำพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตแล้ว อย่างไรก็ตาม บางจังหวะมีแรงขายสลับออกมาบ้าง เนื่องจากตลาดฯปรับตัวขึ้นมามากแล้ว และต้องรอติดตามการลงมติเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ฯอย่างเป็นทางการของสภาคองเกรสคืนนี้ว่าจะเป็นไปตามที่ประธานาธิบดีโอบามาระบุไว้หรือไม่
ส่วนปัจจัยในประเทศไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลใหม่ ที่ต้องให้ผ่านพ้นกระบวนการเลือกประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี รวมทั้งการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีให้เรียบร้อยก่อน ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (2 ส.ค.) ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวทั้งขึ้นและลง คือถ้าอ่อนตัวลงจะมีแรงรับจากหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี แต่ถ้าปรับขึ้นก็คงไปไม่ไกลมาก เพราะจะมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยให้กรอบการเคลื่อนไหว 1,135-1,150 จุด