xs
xsm
sm
md
lg

นายแบงก์ลุ้นขุนคลังใหม่เจ๋ง-รอดูฝีมือ “ปู” เผยคะแนนเกินครึ่งสะท้อน ปชช.เชื่อมั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“นายแบงก์” มองภาพรวม ศก.ครึ่งปีหลัง ยังไปต่อได้ “ค่ายกสิกร” ชี้ คนนั่งเก้าอี้ รมว.คลัง ควรเก่งรอบด้าน คาด นายกฯ หญิงคนใหม่ ไม่ถึงขั้นอ่อนหัด เพราะผ่านประสบการณ์ทางธุรกิจมาแล้ว อาจได้มุมมองใหม่ๆ แนะให้รอดูติดตามผลงาน “บิ๊กใบโพธิ์” ระบุ คะแนนเสียงเกินครึ่ง สะท้อน ปชช.เชื่อมั่น พท.นำประเทศเดินหน้าได้

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ภายหลังพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง โดยมองว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่น่ากังวล และเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยังไปได้ ซึ่งจากการสำรวจควรามเห็นของผู้บริหารระดับสูง (CEO) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวนกว่า 80% ยังมองว่า เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดี แต่ต้องเน้นเรื่องการเข้ามาดูแลความสงบและความสามัคคีภายในประเทศ

นอกจากนี้ ตัองจับตาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล และผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ รัฐมนตรีคลัง ซึ่งโดยส่วนตัวต้องการบุคคลที่มีความรู้หลายๆ ด้าน และมีพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์ การบริหารจัดการต่างๆ

“ส่วนที่หลายคนกังวลว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ จะอ่อนประสบการณ์ทางด้านการเมือง เรื่องนี้ คงแนะให้รอดูติดตามผลงาน เพราะคุณยิ่งลักษณ์ ก็อยู่ในแวดวงธุรกิจมาก่อน มองว่าคงจะได้มุมมองใหม่ๆ สำหรับการบริหารประเทศ”

ขณะเดียวกัน มองภาพรวมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ในปีนี้หนี้เสียไม่น่ากังวล และธุรกิจคงเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ

ส่วนนักลงทุนต่างชาติคาดว่าภายใน 3-6 เดือน จะกลับเข้ามาลงทุนในไทยอีกครั้งหลังรอความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่เตรียมฐานการผลิตเข้ามาในไทย

ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า กังวลนโยบายประชานิยม ซึ่งหากทำตามที่หาเสียงไว้ก็คาดว่ารัฐบาลใหม่จะต้องใช้เงินค่อนข้างมาก ต้องรอติดตามว่าจะนำเงินมาจากไหน

“ทั้ง 3 เรื่องที่อยากให้ทำ คือ 1.เรื่องชลประทาน 2.การศึกษาให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ 3.ส่งเสริมการส่งออก และสิ่งที่ไม่ควรทำ คือ การก่อหนี้ให้กับภาคประชาชน”

นายชาติชาย กล่าวว่า สินเชื่อของธนาคารในปี 2554 คาดว่า จะเติบโต 7-9 % ตามเป้า โดยช่วงครึ่งแรกเติบโตแล้ว 4-5% เป็นการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ มองว่า ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ คงไม่กระทบการขยายของสินเชื่อแบงก์ในปีนี้ ซึ่งเป็นการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ธนาคารได้ปรับเป้าสินเชื่อบ้าน เพิ่มเป็น 5.5 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่ม 5 หมื่นล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อบ้านทำได้เกินเป้าเป็น 2.8 พันล้านบาท จากเดิม 2.5 พันล้านบาท

ด้าน นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทำให้มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง น่าจะดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากความมั่นใจจากประชาชนด้วยคะแนนเสียงเกินกว่าครึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของประชาชนที่มีความเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถนำพาประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้ สิ่งที่ควรเร่งแก้ไขคือเรื่องของนโยบายทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวน ยกตัวอย่างเช่น ประเทศกรีซ ถ้าไม่สามารถควบคุมเศรษฐกิจได้ ก็อาจจะทำให้ปัญหาลุกลามไปทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทยได้ ฉะนั้น การวางนโยบายจะต้องสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการมีรัฐบาลที่มีความมั่นคง จะทำให้การตัดสินใจเรื่องนโยบายน่าจะทำให้เป็นไปอย่างถูกต้อง

ส่วนการจัดตั้งทีมรัฐบาลชุดใหม่นั้น เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย จะเลือกผู้ที่เก่งและมีความสามารถเข้ามาบริหารงานให้สามารถนำพาประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ แต่จะเป็นใครอย่างไรคงต้องรอให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อน

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะประชาชนคงต้องยอมรับมติเสียงส่วนใหญ่ แต่หวังว่าสิ่งแรกที่รัฐบาลใหม่จะทำคือการสร้างความปรองดองให้ได้ เพราะทุกคนกลัวความไม่สงบ จึงต้องการเห็นความสงบเรียบร้อยในประเทศเกิดขึ้น เพราะเมื่อใดไม่มีความสงบทุกคนก็มีความกลุ้มใจ ตอนนี้ทุกคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

“สิ่งแรกที่ต้องทำ การสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นให้ได้ อย่าทำอะรไห้เกิดความขัดแย้ง อยากให้ประชาชนรู้จักพอเพียง มีบาทใช้บาท อย่าใช้สองบาท ขณะที่ในการปล่อยสินเชื่อ มองว่า รัฐบาลใหม่วางนโยบายที่ยอมรับได้ก็คงไม่มีปัญหา เพราะไม่อยากเห็นการใข้จ่ายเกินตัว หากมีการใข้จ่ายเกินกำลังก็ไม่ควรทำ”

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปตามคาดหมาย และมองว่า ในการดำเนินนโยบายใหม่ของรัฐบาลใหม่จะออกมาในรูปใด เพราะนโยบายการหาเสียงมีค่อนข้างมาก ไม่รู้ว่าโครงการไหนจะนำมาดำเนินการ แต่นโยบายพรรคเพื่อไทยเน้นกระตุ้นการบริโภคเป็นหลัก แต่จะกระตุ้นได้มากน้อยแค่ไหนยังไมมองไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าจะดำเนินการได้กี่โครงการ

อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติของ รมว.คลัง ต้องมีความโปร่งใส เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความรู้ จัดโครงสร้างเศรษฐกิจการเงินกาคลังได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ประเทศเข้มแข็ง และไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกรีซ รวมทั้งมีโครงการใดที่จะเน้นปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี เนื่องจากนโยบายที่ผ่านมาเน้นคนรากหญ้ามากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น