เซเว่นฯ ประกาศสยายปีกธุรกิจแฟรนไชส์สัดส่วนทะลุ 70% ภายใน 7 ปี หวังสร้างเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่-เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ มั่นใจรายได้ 6 เดือนโตถึง 6% เกินเป้าที่ตั้งไว้ 5% พร้อมเร่งเครื่องสู่ธุรกิจอาหาร
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้จะเน้นการขยายเครือข่ายแฟรนไชส์ร้านเซเว่นฯ มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและสร้างเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งในส่วนของสิ้นปีนี้สัดส่วนร้านแฟรนไชส์อยู่ที่ประมาณ 52% บริษัทเปิดให้บริการเอง 48% แต่หากบริษัทเดินหน้าขยายร้านแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้ 7 ปีนับจากนี้ บริษัทน่าจะมีสัดส่วนร้านแฟรนไชส์อยู่ที่ 70% บริษัทเปิดเอง 30% เพิ่มขึ้นจากช่วงหลายปีก่อนที่ 60% บริษัทเปิดเอง 40% เป็นแฟรนไชส์
สำหรับรูปแบบของร้านเซเว่นฯ ที่เปิดขายแฟรนไชส์นั้น จะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ รูปแบบบี จะมีราคาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าแฟรนไชส์ 5 แสนบาท และค่าประกัน 1 ล้านบาท สัญญาแฟรนไชส์ 6 ปี และรูปแบบซี จะมีราคาอยู่ที่ 2.6 ล้านบาท สัญญาแฟรนไชส์ 10 ปี ขณะที่การดำเนินธุรกิจนับจากนี้จะเน้นกลุ่มอาหาร เช่น อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องดื่ม และเบอร์เกอร์รี่ เพราะเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยหากเกิดปัจจัยลบ
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัทได้เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการขยายสาขาปีละไม่ต่ำกว่า 500 สาขา คาดว่าจะส่งผลให้สิ้นปีจะมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่ 5% เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของ 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทก็มียอดขายเติบโตที่ 6% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโตที่ 5%
ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนั้น มองว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นไม่ว่าพรรคไหนจะเข้ามาเป็นรัฐบาล เนื่องจากตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจดี ส่งออกดี สินค้าเกษตรราคาดี และค่าแรงงานดี แต่สิ่งที่อยากฝากให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งแก้ไขปัญหาคือการปรองดอง
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้จะเน้นการขยายเครือข่ายแฟรนไชส์ร้านเซเว่นฯ มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและสร้างเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งในส่วนของสิ้นปีนี้สัดส่วนร้านแฟรนไชส์อยู่ที่ประมาณ 52% บริษัทเปิดให้บริการเอง 48% แต่หากบริษัทเดินหน้าขยายร้านแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้ 7 ปีนับจากนี้ บริษัทน่าจะมีสัดส่วนร้านแฟรนไชส์อยู่ที่ 70% บริษัทเปิดเอง 30% เพิ่มขึ้นจากช่วงหลายปีก่อนที่ 60% บริษัทเปิดเอง 40% เป็นแฟรนไชส์
สำหรับรูปแบบของร้านเซเว่นฯ ที่เปิดขายแฟรนไชส์นั้น จะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ รูปแบบบี จะมีราคาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าแฟรนไชส์ 5 แสนบาท และค่าประกัน 1 ล้านบาท สัญญาแฟรนไชส์ 6 ปี และรูปแบบซี จะมีราคาอยู่ที่ 2.6 ล้านบาท สัญญาแฟรนไชส์ 10 ปี ขณะที่การดำเนินธุรกิจนับจากนี้จะเน้นกลุ่มอาหาร เช่น อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องดื่ม และเบอร์เกอร์รี่ เพราะเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยหากเกิดปัจจัยลบ
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัทได้เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการขยายสาขาปีละไม่ต่ำกว่า 500 สาขา คาดว่าจะส่งผลให้สิ้นปีจะมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่ 5% เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของ 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทก็มียอดขายเติบโตที่ 6% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโตที่ 5%
ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนั้น มองว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นไม่ว่าพรรคไหนจะเข้ามาเป็นรัฐบาล เนื่องจากตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจดี ส่งออกดี สินค้าเกษตรราคาดี และค่าแรงงานดี แต่สิ่งที่อยากฝากให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งแก้ไขปัญหาคือการปรองดอง
