ASTVผู้จัดการรายวัน - ซีพี ออลล์ ชี้เงินสะพัดช่วงเลือกตั้งดันยอดขายร้านเซเว่นพุ่งเพิ่มขึ้นเริ่มเห็นชัดตั้งแต่เดือนพ.ค.คาดดันรายได้และกำไรไตรมาส2เติบโตดีขณะที่การบุกขยายสาขาในจีน ยังต้องรอบริษัทแม่ของเซเว่นญี่ปุ่นอนุมัติก่อน มั่นใจน่าจะได้รับการพิจารณา หลังทำผลงานดีดันสาขาในไทยพุ่งรั้งอันดับ 3 ของโลกแล้ว
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ว่าจะได้รับผลดีจากการเลือกตั้งที่จะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เพราะประชาชนมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นซึ่งเริ่มเห็นจากช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ยอดขายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทมีการบริหารต้นทุนได้ดีจนทำให้สามารถรักษามาร์จิ้นหรือกำไรขั้นต้นให้คงที่ได้ประมาณ 26 % จึงน่าจะทำให้เมื่อสิ้นไตรมาส 2 จะเห็นแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนด้วย
สำหรับแผนการขยายการลงทุนโดยออกไปลงทุนเปิดร้านเซเว่นฯ ในประเทศจีนนั้นอาจไม่ทันในปีนี้ เพราะทางกลุ่มญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของใบอนุญาต อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะอนุญาติให้บริษัทออกไปเปิดสาขาในจีนได้หรือไม่ แต่บริษัทมั่นใจว่ามีความพร้อม ค่อนข้างมากในการจะรุกสาขาในจีน ทั้งบุคลากร และเงินทุน โดยที่ผ่านมาญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าของเซเว่นฯได้อนุญาตให้ เซเว่นฯฮ่องกง และเซเว่นฯไต้หวันไปเปิดสาขาในจีนที่ปักกิ่ง แล้ว ซึ่งมองว่าโอกาสที่บริษัทน่าจะมีโอกาสเข้าไปเปิดสาขาในจีนมีค่อนข้างสูง เพราะมีผลงานที่ดี จากปัจจุบันสาขาเซเว่นฯ ในไทย มีจำนวนมากสุดอันดับ 3 ของโลก ถึง6,000 สาขา รองจากญี่ปุ่นมี 13,000 สาขา และ สหรัฐอเมริกามี 7,000 สาขา
นายก่อศักดิ์ยังกล่าวว่านอกจากแผนการลงทุนในจีนแล้ว บริษัทยังมองหาโอกาสที่จะให้ขยายการลงทุนออกไปยังประเทศในกลุ่มอินโดจีน โดยเฉพาะเวียดนาม เพราะถือว่ามีศักยภาพเติบโตค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามหากบริษัทยังไม่สามารถขยายการลงทุนได้มากในปีนี้ ก็อาจนำเงินไปบริหารด้านอื่นเช่น จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น เพราะแม้ราคาหุ้นของบริษัทจะไม่หวือหวา แต่มีความสม่ำเสมอในการจ่ายเงินปันผล เพื่อจูงใจให้มีการลงทุนระยะยาว เพราะบริษัทมุ่งทำธุรกิจเพื่อการเติบโต
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ว่าจะได้รับผลดีจากการเลือกตั้งที่จะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เพราะประชาชนมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นซึ่งเริ่มเห็นจากช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ยอดขายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทมีการบริหารต้นทุนได้ดีจนทำให้สามารถรักษามาร์จิ้นหรือกำไรขั้นต้นให้คงที่ได้ประมาณ 26 % จึงน่าจะทำให้เมื่อสิ้นไตรมาส 2 จะเห็นแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนด้วย
สำหรับแผนการขยายการลงทุนโดยออกไปลงทุนเปิดร้านเซเว่นฯ ในประเทศจีนนั้นอาจไม่ทันในปีนี้ เพราะทางกลุ่มญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของใบอนุญาต อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะอนุญาติให้บริษัทออกไปเปิดสาขาในจีนได้หรือไม่ แต่บริษัทมั่นใจว่ามีความพร้อม ค่อนข้างมากในการจะรุกสาขาในจีน ทั้งบุคลากร และเงินทุน โดยที่ผ่านมาญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าของเซเว่นฯได้อนุญาตให้ เซเว่นฯฮ่องกง และเซเว่นฯไต้หวันไปเปิดสาขาในจีนที่ปักกิ่ง แล้ว ซึ่งมองว่าโอกาสที่บริษัทน่าจะมีโอกาสเข้าไปเปิดสาขาในจีนมีค่อนข้างสูง เพราะมีผลงานที่ดี จากปัจจุบันสาขาเซเว่นฯ ในไทย มีจำนวนมากสุดอันดับ 3 ของโลก ถึง6,000 สาขา รองจากญี่ปุ่นมี 13,000 สาขา และ สหรัฐอเมริกามี 7,000 สาขา
นายก่อศักดิ์ยังกล่าวว่านอกจากแผนการลงทุนในจีนแล้ว บริษัทยังมองหาโอกาสที่จะให้ขยายการลงทุนออกไปยังประเทศในกลุ่มอินโดจีน โดยเฉพาะเวียดนาม เพราะถือว่ามีศักยภาพเติบโตค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามหากบริษัทยังไม่สามารถขยายการลงทุนได้มากในปีนี้ ก็อาจนำเงินไปบริหารด้านอื่นเช่น จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น เพราะแม้ราคาหุ้นของบริษัทจะไม่หวือหวา แต่มีความสม่ำเสมอในการจ่ายเงินปันผล เพื่อจูงใจให้มีการลงทุนระยะยาว เพราะบริษัทมุ่งทำธุรกิจเพื่อการเติบโต
