เสนาฯ เผยสุดยอดทำเลเด่นซื้อคอนโดฯ ในยุคเงินฟ้อพุ่ง ระบุ หลักสี่-แจ้งวัฒนะ ราคาปรับขึ้นสูงสุด 22.8% รองลงมารามคำแหง-หัวหมาก 15.5% ในขณะที่ธนบุรีราคาลด 1.8% ด้านศูนย์ข้อมูลฯ ชี้ระบบสาธารณูปโภค ห้างสรรพสินค้าหนุนอสังหาฯราคาพุ่ง
วานนี้ (30 มิ.ย.54) บริษัทเสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “เจาะทำเลซื้อบ้าน ต้านเงินเฟ้อ” โดย นางสาว เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยถือเป็นการปิดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อซึ่งทำให้เงินด้อยค่าลง ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 4%
ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลฯ พบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ใน 9 ทำเล พบว่า 8 ทำเล มีการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วง 1 ปีเศษ ประกอบด้วย ทำเลหลักสี่-แจ้งวัฒนะ-ดอนเมือง-รัตนาธิเบศร์ ปรับขึ้น 22.8% ทำเลรามคำแหง-หัวหมาก-แอร์พอร์ตลิงก์ปรับขึ้น 15.5% และสุขุมวิทตอนปลายปรับขึ้น 7% สีลม-สาทร 3.5% เพลินจิต-วิทยุ และพหลโยธิน ขึ้น 2.9% รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว 2.7% ในขณะที่ทำเลธนบุรี พบว่าราคาปรับลดลง 1.8% ขณะเดียวกันการปิดความเสี่ยงจากภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเลี่ยงการกู้เงินเต็มวงเงิน หรือเลือกอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว
โดยข้อพึงระวังในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อในขณะนั้น ตลอดภาวะเศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งจะเป็นตัวแปรที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของราคา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากความเสี่ยงจากการบริหารโครงการ และสภาพคล่องของการปล่อยเช่า
“ ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ระดับ 4% ถือว่าเร่งตัวมากกว่าที่คาด ภาวะดังกล่าวทำให้สินค้าราคาแพง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง เป็นปัญหาไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ หลายคนมองว่าเป็นผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ในทางกลับกันถือเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะเป็นสินทรัพย์ในจำนวนไม่กี่ชนิดที่มีมูลค่าเพิ่มตามเงินเฟ้อ” นางสาวเกษรา กล่าว
ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า อัตราการเพิ่มเฉลี่ยของราคาบ้านในเขตอำเภอในกทม.และจังหวัดปริมณฑลในช่วงครึ่งแรก 2553-ครึ่งแรกปี2554 ว่า อัตราการเพิ่มของบ้านเดี่ยวที่ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ปรับขึ้นถึง 21% รองลงมา คือ ย่านดอนเมืองปรับขึ้น 18% ส่วนทาวน์เฮาส์มีอัตราการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในย่านภาษีเจริญที่ปรับเพิ่มขึ้นไปถึง 62% รองลงมาคือที่ย่านบางกะปิ 48% และย่านหนองจอกปรับเพิ่ม 36%
ทั้งนี้ การเลือกซื้ออสังหาฯ จะต้องเลือกทำเลที่ถูกต้องและเวลาที่ถูกต้อง โดยขอเงินกู้ธนาคารมาใช้ประโยชน์ในการซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งเพื่ออยู่อาศัยจริงหรือลงทุนระยะยาว ช่วยลดภาระภาษีเงินได้ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่มีผลให้ราคามีการเปลี่ยนแปลงมากคือ การลงทุนโครงการใหม่ๆ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งของภาครัฐและเอกชนที่แวดล้อมทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่อาศัย เช่น ทำเลหลักสี่-แจ้งวัฒนะ-ดอนเมือง-รัตนาธิเบศร์ จากการขยายลงทุนของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โครงการลงทุนระบบสาธารรูปโภครถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงมีนบุรี-แคราย และมีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ขณะที่ทำเลถนนพระราม 3 ปัจจุบันคณะกรรมการผังเมือง อาจมีการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดิน จากเชิงพาณิชย์ เป็นโซนที่อยู่อาศัย ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้ไม่มากคือ เพิ่มขึ้น 0.3%
“ ราคาบ้านในขณะนี้ อาจจะนิ่ง เนื่องจากการแข่งขันยังสูง และภาวะการเมืองยังไม่นิ่ง แต่คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ราคามีโอกาสปรับขึ้นแรง เพราะจากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการพบว่า ส่วนใหญ่เชื่อว่าในปลายปีนี้ตลาดที่อยู่อาศัยจะกลับมาคึกคักอีกครั้งภายหลังมีการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น โดยจะเห็นว่าขณะนี้ตลาดคอนโดมิเนียมราคาถูก จะปรับขึ้นได้ดีกว่าคอนโดมิเนียมราคาแพง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดของแพงขาดลูกค้าต่างชาติเข้ามาสนับสนุนให้ราคาปรับขึ้น” นายสัมมากล่าว
จากตัวเลขของศูนย์ข้อมูลฯ พบว่า ดัชนีราคาห้องชุดจากครึ่งปี 2553 - ครึ่งปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 7% และคาดว่าในปี 54 ดัชนีราคาห้องชุดจะปรับขึ้นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 6% เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 4% ซึ่งการเติบโตของห้องชุดดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากดัชนีราคาที่เพิ่มขึ้นของราคาห้องชุดที่มีราคาน้อยกว่า 50,000 บาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในขณะที่ห้องชุดที่มีราคามากกว่า 80,.000 บาท/ตร.ม. มีการเพิ่มขึ้นเพียง 3% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินเฟ้อได้
วานนี้ (30 มิ.ย.54) บริษัทเสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “เจาะทำเลซื้อบ้าน ต้านเงินเฟ้อ” โดย นางสาว เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยถือเป็นการปิดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อซึ่งทำให้เงินด้อยค่าลง ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 4%
ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลฯ พบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ใน 9 ทำเล พบว่า 8 ทำเล มีการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วง 1 ปีเศษ ประกอบด้วย ทำเลหลักสี่-แจ้งวัฒนะ-ดอนเมือง-รัตนาธิเบศร์ ปรับขึ้น 22.8% ทำเลรามคำแหง-หัวหมาก-แอร์พอร์ตลิงก์ปรับขึ้น 15.5% และสุขุมวิทตอนปลายปรับขึ้น 7% สีลม-สาทร 3.5% เพลินจิต-วิทยุ และพหลโยธิน ขึ้น 2.9% รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว 2.7% ในขณะที่ทำเลธนบุรี พบว่าราคาปรับลดลง 1.8% ขณะเดียวกันการปิดความเสี่ยงจากภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเลี่ยงการกู้เงินเต็มวงเงิน หรือเลือกอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว
โดยข้อพึงระวังในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อในขณะนั้น ตลอดภาวะเศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งจะเป็นตัวแปรที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของราคา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากความเสี่ยงจากการบริหารโครงการ และสภาพคล่องของการปล่อยเช่า
“ ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ระดับ 4% ถือว่าเร่งตัวมากกว่าที่คาด ภาวะดังกล่าวทำให้สินค้าราคาแพง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง เป็นปัญหาไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ หลายคนมองว่าเป็นผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ในทางกลับกันถือเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะเป็นสินทรัพย์ในจำนวนไม่กี่ชนิดที่มีมูลค่าเพิ่มตามเงินเฟ้อ” นางสาวเกษรา กล่าว
ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า อัตราการเพิ่มเฉลี่ยของราคาบ้านในเขตอำเภอในกทม.และจังหวัดปริมณฑลในช่วงครึ่งแรก 2553-ครึ่งแรกปี2554 ว่า อัตราการเพิ่มของบ้านเดี่ยวที่ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ปรับขึ้นถึง 21% รองลงมา คือ ย่านดอนเมืองปรับขึ้น 18% ส่วนทาวน์เฮาส์มีอัตราการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในย่านภาษีเจริญที่ปรับเพิ่มขึ้นไปถึง 62% รองลงมาคือที่ย่านบางกะปิ 48% และย่านหนองจอกปรับเพิ่ม 36%
ทั้งนี้ การเลือกซื้ออสังหาฯ จะต้องเลือกทำเลที่ถูกต้องและเวลาที่ถูกต้อง โดยขอเงินกู้ธนาคารมาใช้ประโยชน์ในการซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งเพื่ออยู่อาศัยจริงหรือลงทุนระยะยาว ช่วยลดภาระภาษีเงินได้ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่มีผลให้ราคามีการเปลี่ยนแปลงมากคือ การลงทุนโครงการใหม่ๆ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งของภาครัฐและเอกชนที่แวดล้อมทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่อาศัย เช่น ทำเลหลักสี่-แจ้งวัฒนะ-ดอนเมือง-รัตนาธิเบศร์ จากการขยายลงทุนของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โครงการลงทุนระบบสาธารรูปโภครถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงมีนบุรี-แคราย และมีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ขณะที่ทำเลถนนพระราม 3 ปัจจุบันคณะกรรมการผังเมือง อาจมีการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดิน จากเชิงพาณิชย์ เป็นโซนที่อยู่อาศัย ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้ไม่มากคือ เพิ่มขึ้น 0.3%
“ ราคาบ้านในขณะนี้ อาจจะนิ่ง เนื่องจากการแข่งขันยังสูง และภาวะการเมืองยังไม่นิ่ง แต่คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ราคามีโอกาสปรับขึ้นแรง เพราะจากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการพบว่า ส่วนใหญ่เชื่อว่าในปลายปีนี้ตลาดที่อยู่อาศัยจะกลับมาคึกคักอีกครั้งภายหลังมีการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น โดยจะเห็นว่าขณะนี้ตลาดคอนโดมิเนียมราคาถูก จะปรับขึ้นได้ดีกว่าคอนโดมิเนียมราคาแพง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดของแพงขาดลูกค้าต่างชาติเข้ามาสนับสนุนให้ราคาปรับขึ้น” นายสัมมากล่าว
จากตัวเลขของศูนย์ข้อมูลฯ พบว่า ดัชนีราคาห้องชุดจากครึ่งปี 2553 - ครึ่งปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 7% และคาดว่าในปี 54 ดัชนีราคาห้องชุดจะปรับขึ้นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 6% เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 4% ซึ่งการเติบโตของห้องชุดดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากดัชนีราคาที่เพิ่มขึ้นของราคาห้องชุดที่มีราคาน้อยกว่า 50,000 บาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในขณะที่ห้องชุดที่มีราคามากกว่า 80,.000 บาท/ตร.ม. มีการเพิ่มขึ้นเพียง 3% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินเฟ้อได้