xs
xsm
sm
md
lg

PSผุดรง.พีคาสท์แห่งที่2ย่านบางบัวทองรับยอดขายแสนล้านปี60

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พฤกษาเล็งผุดโรงงานพีคาสท์แห่งที่ 2ย่านบางบัวทองในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทรองรับยอดขายแสนล้านในปี 60 ล่าสุดโชว์ศักยภาพโรงงาน 5 ระบบแห่งที่ 1 ย่านลำลูกกาคาดเต็มกำลังการผลิต 700 หลัง/เดือนในอีก 2 ปีข้างหน้า ล่าสุดโชว์เทคโนโลยีการผลิตโรงงาน 5 ฟุ้งทันสมัยทีสุดในโลก ยันบ้านแข็งแรง รับแผ่นดินไหวได้ถึง 7 ริกเตอร์ พร้อมวอนรัฐบาลใหม่หนุนคนซื้อบ้านง่ายขึ้น

นายจุฑา พรมชินวงศ์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมขยายโรงงานพฤกษา พรีคาสท์ (Precast) แห่งที่ 2 ในโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ ภายหลังจากที่โรงงานแห่งที่ 1 ย่านลำลูกกาจะเต็มกำลังการผลิตในอีก 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากที่ดินโรงงานดังกล่าวจำนวน 190 ไร่ใช้เต็มพื้นที่และไม่สามาถขยายได้อีกแล้ว ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินในย่านบางบัวทอง โดยจะใช้ที่ดินกว่า 200 ไร่ ส่วนงบลงทุนนั้นประมาณ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้โรงงานแห่งใหม่ดังกล่าวยังจะสามารถรองรับเป้าหมายการขาย 1 แสนล้าน/ปี บาทในอีก 6 ปีข้างหน้า โดยยอดขายดังลก่าวจะเป็นการขายในประเทศ 75% และในต่างประเทศอีก 25% ซึ่งในระหว่างนี้จะผลิตชื้นส่วนสำเร็จรูปป้อนไปยังโครงการในย่านตะวันตกและจังหวัดใกล้เคียงเพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง

นอกจากโรงงานแห่งใหม่แล้วพฤกษายังอยู่ระหว่างพัฒนาห้องน้ำสำเร็จรูปให้มีน้ำหนักเบาง่ายต่อการเคลื่อนย้านและขนส่งไปยังไซน์งาน โดยจะลดน้ำหนักของพนังห้องน้ำด้วยการใช้คอนกรีตมวลเบา ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับผู้ผลิตปูนซีเมนต์ ทำให้ห้องน้ำมีน้ำหนักเพียง 2 ตันเท่านั้น จากเดิมมีน้ำหนัก 3-4 ตันต้องใช้เครนขนาดใหญ่ในการยก มีอุปสรรค์ในการเคลื่อนย้าย โดยห้องน้ำรูปแบบใหม่นี้ได้ผ่านการทดสอบการใช้งาน และการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบและติดตั้งในโครงการ พฤกษา วิลเลจ หากมีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคก็จะเริ่มผลิตได้ทันที

“เดิมหน้องน้ำรุ่นเก่าใช้พนังในการรับแรงด้วยทำให้มีน้ำหนักมาก แต่ห้องน้ำรุ่นใหม่จะไม่ใช้ผนังรับแรง แต่จะนำไปติดตั้งภายในบ้านเท่านั้นซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้คอนกรีตที่มีน้ำหนักมาก นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนาการก่อสร้างระบบพีคาสท์ในส่วนของตึกสูงด้วย” นาย จุฑา กล่าว

โชว์โรงงานผลิตทันสมัยที่สุดในโลก

ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทพฤกษาฯ กล่าวว่า การขยายโรงงานพฤกษา พรีคาสท์ 4 และ 5 ด้วยเงินลงทุน 1,050 เพื่อผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป ได้ดำเนินแล้วเสร้จและเดินกำลังการผลิตแล้ว โดยเฉพาะโรงงานแห่งที่ 5 ซึ่งเป็นโรงงานพีคาสท์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก โดยใช้เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมันและอิตาลี ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติในการผลิตชิ้นส่วนทั้งหมด โดยมีมีกำลังการผลิต 450 หลัง/เดือน

ส่งผลให้พฤกษามีกำลังการผลิตรวม 700 ยูนิต/เดือน หรือ 8,000 ยูนิต/ปี จากปีที่ผ่านพฤกษาโอนกรรมสิทธิ์บ้านปีละไม่ตำกว่า 10,000 ยูนิต ซึ่งจะทำให้การก่อสร้างสอดคล้องกับยอดขายและอัตราการเติบโตของบริษัทปีละไม่น้อยกว่า 25% โดยปีนี้ตั้งเป้าโอนกรรมสิทธิ์ 14,000 ยูนิต ส่วนปีหน้าตั้งเป้นโอนฯไม่ต่ำกว่า 16,000 ยูนิต ปัจจุบันพฤกษาสามารถก่อสร้างทาวน์เฮาส์ได้ในระยะเวลา 30-40 วัน/หลัง, บ้านเดี่ยว 40-60 วันต่อหลัง ส่วนคอนโดมิเนียม 6 เดือน/อาคาร

การันตีคุณภาพรับแผ่นดินไหว7ริกเตอร์

สำหรับคุณภาพงานก่อสร้างนั้น ยืนยันว่าแข็งแรงกว่าการก่อสร้างทั่วไป เนื่องจากวิสดุทุกชิ้นเสริมด้วยเหล็กเส้นในขั้นตอนการผลิต ทำให้มีความแข็งแรงกว่าพนังธรรมดาถึง 3 เท่า ทั้งยังรองรับแรงสั่นสะเทือนและแรงลมได้เป็นอย่างดี โดยสามารถรองรับแรงแผ่นดินไหวที่กาญจนบุรีได้ถึง 7 ริกเตอร์, ดูดซึมน้ำได้น้อยกว่าผนังทั่วไปถึง 4 เท่า นอกจากนี้ยังเสริมเหล็กกันแตกทุกมุมของชิ้นงานลดปริมาณการซึมน้ำตามรอยแตกร้าว โดยคุณภาพต่างๆได้รับการตรวจสอบจากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ จากหลายสถาบัน

“การมีเทคโนโลยีในการผลิตใหม่ๆไม่ได้ช่วยให้สร้างบ้านได้เร็วกว่านี้มากนัก แต่จะช่วยให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นและสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้น ส่วนในเรื่องของตนทุนนั้นก็ไม่ได้ต่างจากการผลิตทั่วไปนัก เพราะผลิตด้วยคอนกรีตทั้งหมด แต่การใช้เทคโนดลยีจะช่วยลดการสูญเสียของวัสดุและลดการใช้แรงงานได้มาก เช่น ตะแกรง ระบบเดิมใช้แรงงานผูกลวด และมีส่วนที่เหล็กเกินต้องตัดทิ้งสูญเสียถึง 30% ขณะที่ดรงงานใหม่ใช้ระบบอัตโนมัติสูญเสียเพียง 0.5-0.10% เท่านั้น ส่วนแรงงานนั้นโรง 5 ใช้คนงาน 300 คนเท่าโรงงานที่ 1 แต่มีพื้นที่งานมากกว่าถึง 3 เท่า”

ยอมรับรายได้ตปท.ไม่ตามเป้า

“ยอมรับว่ารายได้ในปี 54 อาจจะลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้ 3.2 หมื่นล้านบาท เล็กน้อย หลังรายได้จากต่างประเทศจะไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 4 พันล้านบาท เหลือเพียงประมาณ 1.5-2.0 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเกิดจากปัญหาทางธุรกิจที่ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังรายได้ในประเทศอาจจะดีขึ้น และมาทดแทนรายได้จากต่างประเทศได้บางส่วน ในด้านยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปีเป็นไปตามเป้าหมาย 20,000 กว่าล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมาย 42,000 ล้านบาท หากไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้น”นายทองมา กล่าว

วอนรัฐหนุนคนซื้อบ้านง่ายขึ้น

นายทองมา กล่าวต่อว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยจะขยายตัวได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ คือ การเติบโตของเศรษฐกิจ ในทุกๆด้าน เพราะเมื่อประชาชนมั่นใจในรายได้ของตนเองว่าก็จะกล้าตัดสินใจซื้อบ้าน ส่วนปัจจัยรองลงมาคือ ความมั่นคงทางการเมืองซึ่งเป็นเรื่องจิตวิทยาหากเกิดความไม่สงบขึ้นประชาชนจะไม่มีความเชื่อมั่นและชะลอการซื้อบ้าน เพราะบ้านถือเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุดของคนดังนั้นความเชื่อมั่นจึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ สำหรับรัฐบาลใหม่นั้นต้องการให้พิจารณาปรับลดภาษีค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ และเปิดโอกาสให้ประชาชนให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับโครงการบ้านหลักแรกที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการอยู่ในขณะนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น