สมาคมสถาปนิกสยามฯ ชี้ธุรกิจออกแบบยังชะลอตัว แนะวางเงื่อนไขด้านความร่วมมือด้านวิชาชีพรับมือเปิดค้าเสรี กันต่างชาติสร้างความเสียหายให้ไทย พร้อมเดินหน้าโปรโมทงาน “สถาปนิก’55” ตั้งแต่ไก่โห่ หวังดึงผู้จัดแสดงสินค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเตรียมสุดยอดนวัตกรรมโชว์ในงาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “น้ำ” เปลี่ยนโลก เตรียมนำเสนอข้อมูลเชิงลึกสาเหตุน้ำท่วม-ภัยแล้งของไทยในช่วงเวลาเดียวกัน
นายทวีจิตร จันทรสาขา นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ของธุรกิจออกแบบในปีนี้ถือว่าดีกว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่มีการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ถึงกับดีมาก อย่างไรก็ตามหากมีงานออกแบบมากกว่าในปัจจุบันก็จะถือว่าดีมาก ทั้งนี้บริษัทสถาปนิกทุกบริษัทมีงานทำ ส่วนจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละบริษัท สำหรับงานออกแบบในต่างประเทศนั้นขณะนี้ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ส่วนกรณีการเปิดการค้าเสรีในธุรกิจสถาปนิกนั้น ไทยควรเปิดประเทศ เพราะเชื่อว่าไม่มีใครสามารถทานกระแสดการค้าเสรีของโลกแต่ แต่ควรเปิดเสรีอย่างมีเงื่อนไข 1.ออกมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้สถาปนิกจากต่างชาติสร้างความเสียหายต่อประเทศไทย
2.กำหนดให้สถาปนิกต่างชาติต้องร่วมมือกับสถาปนิกไทยจึงจะสามารถรับงานออกแบบในไทยได้ บนพื้นฐานของความรับผิดชอบผลประโยชน์ร่วมกัน กล่าวคือ รับผิดชอบในงานที่ทำ ผลประโยชน์ที่จะได้รับตามความรับผิดชอบนั้น ที่ผ่านมาสถาปนิกต่างชาติได้ผลประโยชน์มากกว่าการรับผิดชอบ เมื่อออกแบบเสร็จก็กลับประเทศตนเอง เมื่อเกิดความผิดพลาดจากการออกแบบขึ้นก็จะไม่มีผู้รับผิดชอบ ดังนั้นจึงต้องใช้สถาปนิกชาวไทยในการรับผิดชอบภายหลังงานออกแบบเสร็จสิ้น
นายทวีจิตร กล่าวต่อว่า สมาคมได้ร่วมกับบริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด จัดงานสถาปนิก’55 ระหว่างวันที่ 24-29 เมษายน 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “น้ำ” ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย โดยงานสถาปนิก’55 ครอบคลุมพื้นที่ 60,000 ตร.ม. โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนหลัก คือ
ส่วนที่ 1. ส่วนจัดแสดงสินค้าแบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่ 1.โซนสินค้าด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่าง 2. โซนสินค้าสุขภัณฑ์และเครื่องครัว 3. โซนสินค้ากระเบื้อง หินอ่อน หินแกรนิต อุปกรณ์ติดตั้งกระเบื้อง 4. โซนสินค้าสี วัสดุตกแต่ง เครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้า 5. โซนสินค้าประตู หน้าต่าง รั้ว 6. โซนสินค้าเกี่ยวกับหลังคาฉนวนวัสดุกันรั่วซึม และ7.โซนสินค้าบริการด้านพลังงานทดแทนและบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ 2 การแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมของสถาปนิกและผลงานของสมาคม โดยจะใช้พื้นที่ 10,000 ตร.ม. ส่วนที่ 3 กิจกรรมเวิร์คช็อปและกิจกรรมของนักศึกษา และส่วนที่ 4 ส่วนบริการประชาชน
ทั้งนี้คณะผู้จัดการตั้งเป้ายอดผู้เข้าชมงาน ทั้งสถาปนิกและวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนทั่วไปไว้ที่ 250,000 คน มีผู้จัดแสดงสินค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากว่า 1,000 ราย โดยคาดว่าจะมียอดเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท โดยขณะนี้มียอดการจองพื้นที่งานสถาปนิก’ 55 จากผู้แสดงงานเมื่อครั้งที่ผ่านมาแล้วกว่า 20%
นายทวีจิตร กล่าวต่อว่า การจัดงานในครั้งนี้ใช้คอนเซ็ปต์ “น้ำ” เข้ามาใช้เพราะถือเป็นหัวใจหลักของไทย ทำให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษ โดยทางสมาคมจะศึกษาและหาข้อมูลในเชิงลึก เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุว่าทำไมน้ำจึงท่วมในบางพื้นที่ แต่ในเวลาเดียวกันอีกพื้นที่หนึ่งของประเทศกับเกิดภัยแล้ง เพื่อนำเสนอต่อผู้เข้าชมงาน นอกจากนี้กลุ่มผู้ผลิตสินค้า วัสดุยังจะนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ เทรนด์การประหยัดพลังงาน น้ำ ลม ไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมุ้งเน้นให้งานดังกล่าวกว้าสู่ความเป็นระดับนานาชาติ โดยทางผู้จัดงานได้เดินทางโรดโชว์ยังต่างประเทศบ้างแล้ว อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยเตรียมจัดโซนอินเตอร์เนชันแนล พาวิลเลี่ยมเพื่อชาวต่างชาติโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตามสมาคมฯต้องการให้การจัดงานสถาปนิกก้าวสู่ความเป็นระดับสากล ระดับโลก หรือเป็นฮับของสถาปนิก เราจะต้องสร้างแรงจูงใจและแรงดึงดูดด้วยนวัตกรรมใหม่ๆที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน และทำการประชาสัมพันธ์ไปยังทั่วโลก ทุกคนก็จะพูดถึงงานสถาปนิกและต้องการมาชมงาน
“การที่เราเริ่มทำประชาสัมพันธ์งานตั้งแต่กลางปี 54 เนื่องจากต้องการให้ผู้ที่ต้องการจัดแสดงสินค้าภายในงานได้มีเวลาในการเตรียมตัวคิดค้นและผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงต้องการเพิ่มระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์งานนี้ให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศและสนใจร่วมงาน เนื่องจากงานครั้งที่ผ่านมาเปลี่ยนผู้จัดงานกระทันหัน ทำให้หาจองพื้นที่จัดงานไม่ได้เวลาที่เหมาะสม มีเวลาเตรียมงานเพียง 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งยอมรับว่าประชาสัมพันธ์งานน้อยเกินไป ผู้แสดงสินค้าก็มีเวลาเตรียมตัวน้อย มีผู้เข้าชมงานประมาณ 2 แสนคนเท่านั้น ในขณะที่ปี 52 มีผู้เข้าชมงานถึง 3 แสนคน” นายทวีจิตร กล่าว
นายทวีจิตร จันทรสาขา นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ของธุรกิจออกแบบในปีนี้ถือว่าดีกว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่มีการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ถึงกับดีมาก อย่างไรก็ตามหากมีงานออกแบบมากกว่าในปัจจุบันก็จะถือว่าดีมาก ทั้งนี้บริษัทสถาปนิกทุกบริษัทมีงานทำ ส่วนจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละบริษัท สำหรับงานออกแบบในต่างประเทศนั้นขณะนี้ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ส่วนกรณีการเปิดการค้าเสรีในธุรกิจสถาปนิกนั้น ไทยควรเปิดประเทศ เพราะเชื่อว่าไม่มีใครสามารถทานกระแสดการค้าเสรีของโลกแต่ แต่ควรเปิดเสรีอย่างมีเงื่อนไข 1.ออกมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้สถาปนิกจากต่างชาติสร้างความเสียหายต่อประเทศไทย
2.กำหนดให้สถาปนิกต่างชาติต้องร่วมมือกับสถาปนิกไทยจึงจะสามารถรับงานออกแบบในไทยได้ บนพื้นฐานของความรับผิดชอบผลประโยชน์ร่วมกัน กล่าวคือ รับผิดชอบในงานที่ทำ ผลประโยชน์ที่จะได้รับตามความรับผิดชอบนั้น ที่ผ่านมาสถาปนิกต่างชาติได้ผลประโยชน์มากกว่าการรับผิดชอบ เมื่อออกแบบเสร็จก็กลับประเทศตนเอง เมื่อเกิดความผิดพลาดจากการออกแบบขึ้นก็จะไม่มีผู้รับผิดชอบ ดังนั้นจึงต้องใช้สถาปนิกชาวไทยในการรับผิดชอบภายหลังงานออกแบบเสร็จสิ้น
นายทวีจิตร กล่าวต่อว่า สมาคมได้ร่วมกับบริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด จัดงานสถาปนิก’55 ระหว่างวันที่ 24-29 เมษายน 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “น้ำ” ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย โดยงานสถาปนิก’55 ครอบคลุมพื้นที่ 60,000 ตร.ม. โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนหลัก คือ
ส่วนที่ 1. ส่วนจัดแสดงสินค้าแบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่ 1.โซนสินค้าด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่าง 2. โซนสินค้าสุขภัณฑ์และเครื่องครัว 3. โซนสินค้ากระเบื้อง หินอ่อน หินแกรนิต อุปกรณ์ติดตั้งกระเบื้อง 4. โซนสินค้าสี วัสดุตกแต่ง เครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้า 5. โซนสินค้าประตู หน้าต่าง รั้ว 6. โซนสินค้าเกี่ยวกับหลังคาฉนวนวัสดุกันรั่วซึม และ7.โซนสินค้าบริการด้านพลังงานทดแทนและบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ 2 การแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมของสถาปนิกและผลงานของสมาคม โดยจะใช้พื้นที่ 10,000 ตร.ม. ส่วนที่ 3 กิจกรรมเวิร์คช็อปและกิจกรรมของนักศึกษา และส่วนที่ 4 ส่วนบริการประชาชน
ทั้งนี้คณะผู้จัดการตั้งเป้ายอดผู้เข้าชมงาน ทั้งสถาปนิกและวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนทั่วไปไว้ที่ 250,000 คน มีผู้จัดแสดงสินค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากว่า 1,000 ราย โดยคาดว่าจะมียอดเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท โดยขณะนี้มียอดการจองพื้นที่งานสถาปนิก’ 55 จากผู้แสดงงานเมื่อครั้งที่ผ่านมาแล้วกว่า 20%
นายทวีจิตร กล่าวต่อว่า การจัดงานในครั้งนี้ใช้คอนเซ็ปต์ “น้ำ” เข้ามาใช้เพราะถือเป็นหัวใจหลักของไทย ทำให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษ โดยทางสมาคมจะศึกษาและหาข้อมูลในเชิงลึก เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุว่าทำไมน้ำจึงท่วมในบางพื้นที่ แต่ในเวลาเดียวกันอีกพื้นที่หนึ่งของประเทศกับเกิดภัยแล้ง เพื่อนำเสนอต่อผู้เข้าชมงาน นอกจากนี้กลุ่มผู้ผลิตสินค้า วัสดุยังจะนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ เทรนด์การประหยัดพลังงาน น้ำ ลม ไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมุ้งเน้นให้งานดังกล่าวกว้าสู่ความเป็นระดับนานาชาติ โดยทางผู้จัดงานได้เดินทางโรดโชว์ยังต่างประเทศบ้างแล้ว อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยเตรียมจัดโซนอินเตอร์เนชันแนล พาวิลเลี่ยมเพื่อชาวต่างชาติโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตามสมาคมฯต้องการให้การจัดงานสถาปนิกก้าวสู่ความเป็นระดับสากล ระดับโลก หรือเป็นฮับของสถาปนิก เราจะต้องสร้างแรงจูงใจและแรงดึงดูดด้วยนวัตกรรมใหม่ๆที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน และทำการประชาสัมพันธ์ไปยังทั่วโลก ทุกคนก็จะพูดถึงงานสถาปนิกและต้องการมาชมงาน
“การที่เราเริ่มทำประชาสัมพันธ์งานตั้งแต่กลางปี 54 เนื่องจากต้องการให้ผู้ที่ต้องการจัดแสดงสินค้าภายในงานได้มีเวลาในการเตรียมตัวคิดค้นและผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงต้องการเพิ่มระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์งานนี้ให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศและสนใจร่วมงาน เนื่องจากงานครั้งที่ผ่านมาเปลี่ยนผู้จัดงานกระทันหัน ทำให้หาจองพื้นที่จัดงานไม่ได้เวลาที่เหมาะสม มีเวลาเตรียมงานเพียง 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งยอมรับว่าประชาสัมพันธ์งานน้อยเกินไป ผู้แสดงสินค้าก็มีเวลาเตรียมตัวน้อย มีผู้เข้าชมงานประมาณ 2 แสนคนเท่านั้น ในขณะที่ปี 52 มีผู้เข้าชมงานถึง 3 แสนคน” นายทวีจิตร กล่าว