เลขาธิการ ก.ล.ต.ปิ๊งเก็บภาษีกำไรจากตลาดหุ้น หลังพบการจัดเก็บในปัจจุบันไม่เป็นธรรม ภาระตกกับชนชั้นกลางและผู้มีเงินออม ขณะที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เพื่อตอบสนองนโยบายประชานิยม ขณะที่ช่องทางรายได้ของรัฐยังมีจำกัด เตรียมเสนอจัดเก็บอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได ทั้งนักลงทุน และ บจ.“ธีระชัย” เผย วาระประชุมบอร์ด ช่วงบ่ายวันนี้ เตรียมพิจารณากรณี “วิจิตร สุพินิจ” มีรายชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเทกโอเวอร์กิจการ “โทรีเซนฯ” ยันเปิดแถลงสรุปผลการตรวจสอบ เย็นวันนี้
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันระบบการจัดเก็บภาษีของประเทศไทย ยังไม่มีความเป็นธรรม เพราะภาระเสียภาษีส่วนใหญ่ตกอยู่กับชนชั้นกลางและผู้ที่มีเงินออม เนื่องจากมีการเก็บภาษีจากดอกเบี้ยเงินออม ขณะที่ผู้ที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้รับการยกเว้นภาษี
ดังนั้น ก.ล.ต.จึงมีแนวคิดในการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะเก็บภาษีจากผู้ลงทุนในตลาดหุ้นให้เหมาะสมมากขึ้นแบบขั้นบันได ซึ่งพบว่า ปัจจุบันมีการจัดเก็บในอัตราแบบตายตัว คือ เก็บภาษีกำไรจากการลงทุนในหุ้น (capital gain) ภาษีจากเงินปันผล ซึ่งปัจจุบันเก็บร้อยละ 10 ภาษีจากกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยเสนอให้เก็บเป็นอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได หากนักลงทุน หรือ บจ.รายใดที่มีกำไรมาก ก็ควรเสียภาษีอัตราสูงกว่าผู้มีกำไรน้อย เช่น มีกำไร 1,000 ล้านบาท ก็จะต้องเสียภาษีมากกว่าคนที่มีกำไร 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการเพิ่มช่องทางหารายได้ให้กับรัฐบาล เพราะปัจจุบันพรรคการเมืองต่างๆ มีนโยบายประชานิยม ซึ่งต้องมีการใช้เงินจำนวนมากในการดำเนินนโยบายเหล่านี้ ประกอบกับประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้น จะต้องใช้เงินงบประมาณในการดูแลผู้สูงอายุเหล่านี้ แต่ช่องทางในการเพิ่มรายได้ของรัฐบาลมีอย่างจำกัด ดังนั้น จึงเห็นควรว่าที่จะมีการเริ่มต้นคิดเก็บภาษีดังกล่าวแบบอัตราก้าวหน้าได้แล้ว เพื่อให้รัฐบาลมีเงินเพียงพอในการดำเนินการ
ส่วนการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ก.ล.ต.ในช่วงบ่ายวันนี้ โดยมีวาระกรณีที่มีชื่อนายวิจิตร สุพินิจ ประธานคณะกรรมการ ก.ล.ต.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเทคโอเวอร์กิจการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA โดยนายวิจิตร จะไม่เข้าร่วมประชุม เนื่องจากเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผลการพิจารณาเป็นอย่างไรจะมีการแถลงข่าวให้ทราบภายหลัง
นอกจากนี้ ยังรวมถึงกรณีที่ ก.ล.ต.ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องกับ TTA ชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วย พร้อมระบุว่า หลังจากเสร็จสิ้นการหารือกับกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ทางสำนักงาน ก.ล.ต.จะเปิดแถลงข่าวด่วน ทันที อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.กำหนดเวลา 7 วัน เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องส่งหนังสือเข้ามาชี้แจง แต่จนถึงวันนี้ยังไม่ครบกำหนด
ส่วนแนวคิดที่จะมีการห้ามไม่ให้ประธาน ก.ล.ต.ดำรงตำแหน่งในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) นั้น นายธีระชัย กล่าวว่า ตามข้อกฎหมายไม่ได้มีข้อห้าม หากจะดำเนินการตามแนวคิดดังกล่าวต้องมีการกำหนดข้อห้ามเพิ่มเติม แต่หากใช้หลักเกณฑ์นี้กับประธาน ก.ล.ต.ก็ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันในกำหนดคุณสมบัติกรรมการ ก.ล.ต.และผู้ทรงคุณวุฒิทุกคน ไม่ให้ดำรงตำแหน่งในบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากมีการใช้กฎดังกล่าวจริง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในการหาบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานและกรรมการ ก.ล.ต.แต่ก็ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไป