แบงก์ดิ้นสู้ดอกเบี้ย 0% ในโครงการบ้านหลังแรก ล่าสุด เพอร์เฟคฯจับมือแบงก์ฮึดสู้ ธอส.ผุดแคมเปญดอกเบี้ย1% นาน2ปีพ่วงสัญญากู้ระยะยาว40ปีดันยอดขายกลุ่มที่อยู่อาศัย 3 ล้านบาทขึ้นไป หวังชิงแชร์ลูกค้าบ้านหลังแรก พร้อมเปิดตัว ไอคอนโดฯ เจาะตลาดล่างราคาล้านต้นๆ ปั้นอพาร์ตเมนต์แบรนด์ “ยูนิลอฟท์” ป้อนกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์กองใหม่คาดไตรมาส 4 ออกหน่วยพร้อมขายสถาบันการเงิน-ลูกค้ารายย่อย เล็งนำพอร์ตบ้านแฝด-ทาวน์เฮาส์-คอนโดฯ พร้อมโอนกว่า 1,000 ล้านบาท ร่วมโครงการบ้านหลังแรก เผยแผนปี54 รุกตลาดคอนโดฯต่อ คาดยอดขายคอนโดฯ แชร์ยอดขายรวม ทั้งปี 40-50% เล็งผุด 3 โครงการใหม่-เฟสต่อเนื่อง มูลค่า 9,600 ล้าน เน้นบนทำเลใกล้ชุมชน ใกล้รถไฟฟ้า
ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมมังติงบ 25,000 ล้านบาทเพื่อปล่อยกู้ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในโครงการบ้านหลังแรกให้แก่ประชาชน ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวส่งผลกระทบกับการแข่งขันด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของกลุ่มสถาบันการเงินในระบบค่อนข้างมาก โดยก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เปิดเผยผลวิจัยผลกระทบโครงการบ้านหลังแรกต่อสถานการณ์การแข่งขันในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยระบุว่าโครงการดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินพาณิชย์ค่อนข้างมาก และคาดว่าจะทำให้สถาบันการเงินต่างๆ ต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ๆ ออกมาแข่งขันกับสินเชื่อของ ธอส.เพื่อรักษาแชร์ตลาดสินเชื่อในไตรมาสที่ 2 ของปีไว้
ล่าสุด นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต รองประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวว่า ได้ร่วมกับสถาบันการเงิน จัดแคมเปญดอกเบี้ย1%นาน2ปี ซึ่งเป็นการร่วมสนับสนุนมาตรการของภาครัฐ โดยได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษ “Perfect Worry Free” สำหรับผู้ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยเพอร์เฟคฯได้จับมือกับ ธนาคารธนชาต นครหลวงไทย และออมสิน เพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้อบ้าน ที่ยังกังวลกับเรื่องของดอกเบี้ย โดยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ จะมีไปจนถึง 5 มิถุนายนนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 1% 2 ปี กู้ได้เต็ม 100% อัตราผ่อนต่ำเพียงล้านละ 3,000 บาท/เดือน ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 40 ปี
ทั้งนี้ จากการที่ภาครัฐบาลได้ประกาศมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% 2 ปี สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น โครงการของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่อยู่ในข่ายได้รับประโยชน์จากมาตรการรัฐ ซึ่งขณะนี้สร้างเสร็จพร้อมโอน ภายใน 1-2 เดือน มีจำนวนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นทาวน์เฮ้าส์ ในโครงการ เดอะ วิลล่า รามคำแหง/รามอินทรา/บางบัวทอง บ้านแฝด ในโครงการเพอร์เฟค พาร์ค พระราม5-บางใหญ่ และ คอนโดในโครงการ เมโทร พาร์ค สาทร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการเมโทร พาร์ค สาทร
โดยขณะนี้ มีจำนวนยูนิตสร้างเสร็จพร้อมโอนกว่า 500 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท โดยลูกค้าเมโทร พาร์ค นอกจากจะมีสิทธิ์ได้รับมาตรการรัฐแล้ว ยังจะได้รับบัตรรถไฟฟ้า BTS ฟรี 1 ปี Apple iPad2 และห้องพัก 3 วัน 2 คืน ที่ Centara ตราด โดยล่าสุด ทางโครงการยังได้เปิดตัวคลับเฮาส์ขนาดใหญ่ริมทะเลสาบ ใช้เงินลงทุนกว่า 50 ล้านบาท มีจุดเด่นอยู่ที่สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึง 1,800 ตร.ม.และอาคารคลับฮ้าส์ซึ่งมีพื้นที่ 2,600 ตร.ม. ภายในประกอบด้วย ห้องฟิตเนส แอโรบิก เซาน่า และที่พิเศษไม่เหมือนใคร คือ ลานพัตต์กอล์ฟอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมจะลดความร้อนแรงลง โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ลดลง เกือบครึ่ง เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 แต่เมื่อดูตัวเลขปีที่ผ่านมา อาคารชุดระดับราคา 1-3 ล้าน ทำยอดขายได้อยู่ในอัตราร้อยละ 60% ของจำนวนที่เปิดขาย ซึ่งบริษัทก็เน้นพัฒนาโครงการในระดับราคานี้ โดยทิศทางการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ จะเน้นเป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท โดยมีทั้งทำเลที่ติดเส้นทางรถไฟฟ้า และ ทำเลใกล้ชุมชน ซึ่งเป็นทำเลสำหรับผู้ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย
นายวงศกรณ์ กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดขาย 15,000 ล้านบาท โดยจะเป็นยอดขายจากคอนโดฯประมาณ 7,000 ล้านบาท และเมื่อรวมโครงการ “ยูนิลอฟท์” อีก 1,000 ล้านบาท ยอดขายจากโครงการแนวสูง จะมีสัดส่วนคิดเป็นครึ่ง หนึ่งของยอดขายรวมของทั้งบริษัท สำหรับจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ในปีนี้ จะมีทั้งหมด 9 โครงการ โดยเป็นโครงการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน 6 โครงการ คือ (1)เมโทร พาร์ค สาทร (2) เมโทร สกาย สุขุมวิท (3)เมโทร สกาย รัชดา (4)ไอคอนโด สุขาภิบาล 2 (5)ไอคอนโด งามวงศ์วาน (6)ไอคอนโด สุขุมวิท 105 และยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ และขยายเฟสใหม่อีก 1 โครงการ จำนวนรวมประมาณ 4,380 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 9,600 ล้านบาท ได้แก่ เมโทร สกาย รัชดา เฟส 2 เป็นอาคารสูง จำนวน 1,200 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท ไอคอนโด สุขุมวิท 103 จำนวน 900 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท และจะมีแบรนด์ใหม่ ใน 2 ทำเล คือ สุทธิสาร จำนวน 1,500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และ พระราม 4 จำนวน 780 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท
นายยิ่งพงศ์ เกษมสิน ผู้อำนวยการโครงการ ไอคอนโดฯ และ ยูนิลอฟท์ กล่าวความคืบหน้าของ โครงการยูนิลอฟท์ ซึ่งโครงการในรูปแบบอพาร์ทเมนต์สำหรับนักศึกษา บนทำเลใกล้มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ของบริษัท ว่า สำหรับอพาร์ตเมนต์ แบรนด์ ยูนิลอฟท์ นี้จะพัฒาและขายเข้ากองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ซึ่งจะตั้งขึ้นในช่วงไตรมาสที่4 ปีนี้ โดยกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ กองใหม่นี้จะมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยในส่วนของโครงการยูนิลอฟท์ดังกล่าวจะมีการเปิดตัวโครงการในปีนี้ 2โครงการใน 2 ทำเล ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการแรกแล้ว ในทำเล ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ 2 ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จำนวน 500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และในปีหน้า จะขยายไปในทำเลใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ABAC เพิ่มขึ้นอีกด้วย
“สำหรับโครงการ “ไอ คอนโดฯ” ในระหว่าง 20 พ.ค.-30 มิ.ย.54 ยังได้จัดแคมเปญ iStyle มอบสิทธิพิเศษมากมายให้กับลูกค้า อาทิ ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี Apple iPad2 16 GB. และส่วนลด ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ สูงสุด 40,000 บาท ห้องขนาด 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. เริ่มต้นเพียง 1.13 ล้านบาท พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 3,500 บาท และสำหรับ แบบ 2 ห้องนอน 47 ตร.ม.เริ่มต้น 1.83 ล้านบาท พร้อมเฟอร์นิเจอร์”
ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมมังติงบ 25,000 ล้านบาทเพื่อปล่อยกู้ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในโครงการบ้านหลังแรกให้แก่ประชาชน ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวส่งผลกระทบกับการแข่งขันด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของกลุ่มสถาบันการเงินในระบบค่อนข้างมาก โดยก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เปิดเผยผลวิจัยผลกระทบโครงการบ้านหลังแรกต่อสถานการณ์การแข่งขันในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยระบุว่าโครงการดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินพาณิชย์ค่อนข้างมาก และคาดว่าจะทำให้สถาบันการเงินต่างๆ ต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ๆ ออกมาแข่งขันกับสินเชื่อของ ธอส.เพื่อรักษาแชร์ตลาดสินเชื่อในไตรมาสที่ 2 ของปีไว้
ล่าสุด นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต รองประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวว่า ได้ร่วมกับสถาบันการเงิน จัดแคมเปญดอกเบี้ย1%นาน2ปี ซึ่งเป็นการร่วมสนับสนุนมาตรการของภาครัฐ โดยได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษ “Perfect Worry Free” สำหรับผู้ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยเพอร์เฟคฯได้จับมือกับ ธนาคารธนชาต นครหลวงไทย และออมสิน เพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้อบ้าน ที่ยังกังวลกับเรื่องของดอกเบี้ย โดยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ จะมีไปจนถึง 5 มิถุนายนนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 1% 2 ปี กู้ได้เต็ม 100% อัตราผ่อนต่ำเพียงล้านละ 3,000 บาท/เดือน ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 40 ปี
ทั้งนี้ จากการที่ภาครัฐบาลได้ประกาศมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% 2 ปี สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น โครงการของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่อยู่ในข่ายได้รับประโยชน์จากมาตรการรัฐ ซึ่งขณะนี้สร้างเสร็จพร้อมโอน ภายใน 1-2 เดือน มีจำนวนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นทาวน์เฮ้าส์ ในโครงการ เดอะ วิลล่า รามคำแหง/รามอินทรา/บางบัวทอง บ้านแฝด ในโครงการเพอร์เฟค พาร์ค พระราม5-บางใหญ่ และ คอนโดในโครงการ เมโทร พาร์ค สาทร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการเมโทร พาร์ค สาทร
โดยขณะนี้ มีจำนวนยูนิตสร้างเสร็จพร้อมโอนกว่า 500 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท โดยลูกค้าเมโทร พาร์ค นอกจากจะมีสิทธิ์ได้รับมาตรการรัฐแล้ว ยังจะได้รับบัตรรถไฟฟ้า BTS ฟรี 1 ปี Apple iPad2 และห้องพัก 3 วัน 2 คืน ที่ Centara ตราด โดยล่าสุด ทางโครงการยังได้เปิดตัวคลับเฮาส์ขนาดใหญ่ริมทะเลสาบ ใช้เงินลงทุนกว่า 50 ล้านบาท มีจุดเด่นอยู่ที่สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึง 1,800 ตร.ม.และอาคารคลับฮ้าส์ซึ่งมีพื้นที่ 2,600 ตร.ม. ภายในประกอบด้วย ห้องฟิตเนส แอโรบิก เซาน่า และที่พิเศษไม่เหมือนใคร คือ ลานพัตต์กอล์ฟอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมจะลดความร้อนแรงลง โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ลดลง เกือบครึ่ง เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 แต่เมื่อดูตัวเลขปีที่ผ่านมา อาคารชุดระดับราคา 1-3 ล้าน ทำยอดขายได้อยู่ในอัตราร้อยละ 60% ของจำนวนที่เปิดขาย ซึ่งบริษัทก็เน้นพัฒนาโครงการในระดับราคานี้ โดยทิศทางการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ จะเน้นเป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท โดยมีทั้งทำเลที่ติดเส้นทางรถไฟฟ้า และ ทำเลใกล้ชุมชน ซึ่งเป็นทำเลสำหรับผู้ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย
นายวงศกรณ์ กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดขาย 15,000 ล้านบาท โดยจะเป็นยอดขายจากคอนโดฯประมาณ 7,000 ล้านบาท และเมื่อรวมโครงการ “ยูนิลอฟท์” อีก 1,000 ล้านบาท ยอดขายจากโครงการแนวสูง จะมีสัดส่วนคิดเป็นครึ่ง หนึ่งของยอดขายรวมของทั้งบริษัท สำหรับจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ในปีนี้ จะมีทั้งหมด 9 โครงการ โดยเป็นโครงการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน 6 โครงการ คือ (1)เมโทร พาร์ค สาทร (2) เมโทร สกาย สุขุมวิท (3)เมโทร สกาย รัชดา (4)ไอคอนโด สุขาภิบาล 2 (5)ไอคอนโด งามวงศ์วาน (6)ไอคอนโด สุขุมวิท 105 และยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ และขยายเฟสใหม่อีก 1 โครงการ จำนวนรวมประมาณ 4,380 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 9,600 ล้านบาท ได้แก่ เมโทร สกาย รัชดา เฟส 2 เป็นอาคารสูง จำนวน 1,200 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท ไอคอนโด สุขุมวิท 103 จำนวน 900 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท และจะมีแบรนด์ใหม่ ใน 2 ทำเล คือ สุทธิสาร จำนวน 1,500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และ พระราม 4 จำนวน 780 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท
นายยิ่งพงศ์ เกษมสิน ผู้อำนวยการโครงการ ไอคอนโดฯ และ ยูนิลอฟท์ กล่าวความคืบหน้าของ โครงการยูนิลอฟท์ ซึ่งโครงการในรูปแบบอพาร์ทเมนต์สำหรับนักศึกษา บนทำเลใกล้มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ของบริษัท ว่า สำหรับอพาร์ตเมนต์ แบรนด์ ยูนิลอฟท์ นี้จะพัฒาและขายเข้ากองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ซึ่งจะตั้งขึ้นในช่วงไตรมาสที่4 ปีนี้ โดยกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ กองใหม่นี้จะมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยในส่วนของโครงการยูนิลอฟท์ดังกล่าวจะมีการเปิดตัวโครงการในปีนี้ 2โครงการใน 2 ทำเล ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการแรกแล้ว ในทำเล ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ 2 ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จำนวน 500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และในปีหน้า จะขยายไปในทำเลใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ABAC เพิ่มขึ้นอีกด้วย
“สำหรับโครงการ “ไอ คอนโดฯ” ในระหว่าง 20 พ.ค.-30 มิ.ย.54 ยังได้จัดแคมเปญ iStyle มอบสิทธิพิเศษมากมายให้กับลูกค้า อาทิ ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี Apple iPad2 16 GB. และส่วนลด ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ สูงสุด 40,000 บาท ห้องขนาด 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. เริ่มต้นเพียง 1.13 ล้านบาท พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 3,500 บาท และสำหรับ แบบ 2 ห้องนอน 47 ตร.ม.เริ่มต้น 1.83 ล้านบาท พร้อมเฟอร์นิเจอร์”