ธอส.ดีเดย์สินเชื่อบ้านหลังแรก 9 พ.ค.นี้ วงเงิน 25,000 ล้านบาทแบ่งปล่อยกู้ในเขตกทม.-ปริมณฑล 60% ต่างจังหวัด 40% ยันไม่มีหวยล็อค มาก่อนมีสิทธิก่อน ขู่ตรวจสอบพบมีบ้านอยู่แล้ว-ไถ่ถอนก่อน 5 ปี เรียกเก็บดอกเบี้ยย้อนหลังในอัตราปกติ เตือนเตรียมเอกสารให้ครบ 5 อย่างคาดปล่อยกู้หมดภายใน 2-4 สัปดาห์ ด้านผลดำเนินงาน 3 เดือนแรก 22,992 ล้านบาท กำไร 2,294 ล้านบาท
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงการคลังที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยมอบหมายให้ธอส.ซึ่งเป็นสถาบันการเงินของรัฐเป็นผู้ดำเนินการปล่อยสินเชื่อภายใต้ “โครงการบ้าน ธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรก” โดยเริ่มโครงการในวันที่ 9 พ.ค.54 นี้
สำหรับอัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 2 ปีแรก ปีที่ 3-5 กรณีลูกค้าสวัสดิการคิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 0.50% ต่อปี (ลูกค้าสวัสดิการ) ส่วนลูกค้ารายย่อยทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR ส่วนปีที่ 6 เป็นต้นไป ลูกค้าสวัสดิการคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR - 1.00% ต่อปี, ลูกค้ารายย่อย MRR - 0.50% ต่อปี ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR = 6.75% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี นอกจากนี้รัฐบาลยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอนครึ่งหนึ่งหรือจ่ายตามจริงสูงสุด 1.% (จากค่าโอนปกติ 2.00% ของราคาประเมิน)
ทั้งนี้ธอส.ได้จัดทำตัวอย่างในการผ่อนชำระ ได้แก่ วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ในช่วง 1-2 ปีแรกดอกเบี้ย 0% กลุ่มลูกค้ารายย่อยจะผ่อนชำระ 5,000 บาท/เดือน ปีที่ 3-5 ผ่อน 6,200 บาท/เดือน, กลุ่มลูกค้าสวัสดิการ ช่วง 1-2 ปีแรกผ่อน 5,000 บาท/เดือน ปีที่ 3-5 คิดดอกเบี้ย 5,900 บาท/เดือน
วงเงินกู้ 2 ล้านบาท ปีที่ 1-2 กลุ่มรายย่อยผ่อน 9,900 บาท/เดือน กลุ่มสวัสดิการผ่อน 9,900 ล้านบาท/เดือน ปีที่ 3-5 ลูกค้ารายย่อยผ่อน 12,300 บาท/เดือน กลุ่มสวัสดิการ 11,700 บาท/เดือน, วงเงินกู้ 3 ล้านบาท ปีที่ 1-2 กลุ่มรายย่อยผ่อน 14,800 บาท/เดือน ปีที่ 3-5 ผ่อน 18,500 บาท/เดือน กลุ่มสวัสดิการ ผ่อน 14,800 บาท/เดือน และ 17,600 บาท/เดือน ตามลำดับ
สำหรับหลักเกณฑ์ในการให้กู้ ต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อบ้านเป็นของตนเองหลังแรก โดยจะต้องไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน และไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือ ห้องชุด ให้กู้เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร โดยราคาที่อยู่อาศัยและวงเงินให้กู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท
ส่วนหลักเกณฑ์ในการพิจารณาการให้สินเชื่อเป็นไปตามระเบียบของธนาคาร กรณีที่ลูกค้ามีบ้านอยู่แล้วและธนาคารตรวจสอบพบในภายหลังจะคิดอัตราดอกเบี้ยปกติ ย้อนหลังนับจากเริ่มได้รับสินเชื่อ นอกจากนี้ยังกำหนดให้ลูกค้าห้ามไถ่ถ่อนก่อน 5 ปี หากไถ่ถอนก่อนธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราปกติ
***เอกสารไม่ครบ อด!
นายวรวิทย์ กล่าวว่า สำหรับวงเงินกู้ 25,000 ล้านบาทนั้น เพื่อเป็นการกระจายวงเงินสินเชื่อให้ทั่วถึงทั้งประเทศ จึงแบ่งวงเงิน 60% สำหรับประชาชนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ส่วนอีก 40% ในต่างจังหวัด และเพื่อเป็นการป้องกันคำครหา กรณีล็อครายชื่อลูกค้าไว้แล้ว ธอส.ได้กำหนดให้ลูกค้ายื่นกู้พร้อมกันทั่วประเทศ มาก่อนมีสิทธิก่อนจนกว่าวงเงินจะหมด
พร้อมทั้งเตือนลูกค้าที่จะมายื่นกู้จะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมโดยเบื้องต้นควรเตรียมเอกสาร 5 อย่างดังนี้ 1.สำเนาบัตรประชาชน/ข้าราชการ 2.สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า 3.สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน บัญชีเงินฝาก สำเนาการค้าหรือหลักฐานการเสียภาษี 4.สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และ 5.สำเนาโฉนด หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดหรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร เพราะหากลูกค้าเตรียมเอกสารไม่ครบทั้ง 5 อย่างดังกล่าวจะไม่สามารถดำเนินยื่นกู้ได้
“ธอส.จะไม่นำลูกค้าที่มาลงชื่อไว้ก่อนหน้านี้มาสวมเข้าโครงการนี้ แต่หากลูกค้าที่ได้ยื่นกู้ไปแล้วและยังไม่ได้รับการอนุมัติ หากต้องการเข้าร่วมโครงการนี้จะต้องทำเรื่องขอกู้ใหม่ โดยใช้เอกสารยังเป็นชุดเดิมได้ ซึ่งจากการตรวจสอบลูกค้าของธอส.ที่ได้ยื่นกู้ไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัตินั้นมีประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท แต่ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านหลังแรกเพียง 3,000-4,000 ล้านบาท” นายวรวิทย์กล่าว
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าวงเงินดังกล่าวจะหมดภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งหากลูกค้าต้องที่พลาดโอกาสสามารถลงชื่อไว้ในบัญชีรายชื่อ หากมีลูกค้าที่ยื่นกู้ไปก่อนหน้านี้ไม่ได้รับวงเงินตามจำนวนที่แสดงไว้หรือคุณสมบัติไม่ผ่านธอส.จะดึงรายชื่อลูกค้าตามลำดับที่ได้ลงทะเบียนไว้
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ดอกเบี้ยที่ธอส.จะได้รับจากลูกค้าในช่วง 5 ปีแรกเฉลี่ยประมาณ 3.9% ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยของธอส.ในโครงการดังกล่าว อยู่ที่ 3.2% ซึ่งโครงกากรนี้ธอส.จะได้รับยกเว้นการนำเงินส่งคืนกระทรวงการคลัง
**ไตรมาสแรกปล่อยกู้2.29หมื่นล้าน**
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ธนาคารมีผลกำไรสุทธิ 2,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น53.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสแรกไปแล้วจำนวน 995 ล้านบาท โดย 3 เดือนที่ผ่านมาธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งสิ้น 33,292 บัญชี เป็นเงิน 22,992 ล้านบาท จากเป้าสินเชื่อทั้งปี 99,000 ล้านบาท
สำหรับยอดสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 685,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.91% ส่วนเงินฝากธนาคารมียอดเงินฝากรวม 546,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.07% ยอดสินเชื่อคงค้าง 662,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.57% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ไม่รวมหนี้ส่วนขาด จำนวน 49,244 ล้านบาท คิดเป็น 7.63% ของยอด สินเชื่อรวม ซึ่งลดลงจำนวน 903 ล้านบาท หรือลดลง 1.80% ทั้งนี้เนื่องจากประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะที่ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) คงเหลือจำนวน 5,615 ล้านบาท ลดลง 13.20% ไตรมาสแรกธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ได้ทั้งสิ้น 708 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงดำเนินตามแผนงานในการจำหน่ายทรัพย์ NPA ให้ได้มากที่สุด โดยธนาคารจัดให้มีการประมูลขายทรัพย์มือสอง (NPA) ทุกปีๆละ 3 ครั้ง โดยวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2554 ธนาคารสามารถขายทรัพย์ NPA ได้สูงถึง 390 ล้านบาท นับว่าประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมาย
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงการคลังที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยมอบหมายให้ธอส.ซึ่งเป็นสถาบันการเงินของรัฐเป็นผู้ดำเนินการปล่อยสินเชื่อภายใต้ “โครงการบ้าน ธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรก” โดยเริ่มโครงการในวันที่ 9 พ.ค.54 นี้
สำหรับอัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 2 ปีแรก ปีที่ 3-5 กรณีลูกค้าสวัสดิการคิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 0.50% ต่อปี (ลูกค้าสวัสดิการ) ส่วนลูกค้ารายย่อยทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR ส่วนปีที่ 6 เป็นต้นไป ลูกค้าสวัสดิการคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR - 1.00% ต่อปี, ลูกค้ารายย่อย MRR - 0.50% ต่อปี ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR = 6.75% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี นอกจากนี้รัฐบาลยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอนครึ่งหนึ่งหรือจ่ายตามจริงสูงสุด 1.% (จากค่าโอนปกติ 2.00% ของราคาประเมิน)
ทั้งนี้ธอส.ได้จัดทำตัวอย่างในการผ่อนชำระ ได้แก่ วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ในช่วง 1-2 ปีแรกดอกเบี้ย 0% กลุ่มลูกค้ารายย่อยจะผ่อนชำระ 5,000 บาท/เดือน ปีที่ 3-5 ผ่อน 6,200 บาท/เดือน, กลุ่มลูกค้าสวัสดิการ ช่วง 1-2 ปีแรกผ่อน 5,000 บาท/เดือน ปีที่ 3-5 คิดดอกเบี้ย 5,900 บาท/เดือน
วงเงินกู้ 2 ล้านบาท ปีที่ 1-2 กลุ่มรายย่อยผ่อน 9,900 บาท/เดือน กลุ่มสวัสดิการผ่อน 9,900 ล้านบาท/เดือน ปีที่ 3-5 ลูกค้ารายย่อยผ่อน 12,300 บาท/เดือน กลุ่มสวัสดิการ 11,700 บาท/เดือน, วงเงินกู้ 3 ล้านบาท ปีที่ 1-2 กลุ่มรายย่อยผ่อน 14,800 บาท/เดือน ปีที่ 3-5 ผ่อน 18,500 บาท/เดือน กลุ่มสวัสดิการ ผ่อน 14,800 บาท/เดือน และ 17,600 บาท/เดือน ตามลำดับ
สำหรับหลักเกณฑ์ในการให้กู้ ต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อบ้านเป็นของตนเองหลังแรก โดยจะต้องไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน และไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือ ห้องชุด ให้กู้เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร โดยราคาที่อยู่อาศัยและวงเงินให้กู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท
ส่วนหลักเกณฑ์ในการพิจารณาการให้สินเชื่อเป็นไปตามระเบียบของธนาคาร กรณีที่ลูกค้ามีบ้านอยู่แล้วและธนาคารตรวจสอบพบในภายหลังจะคิดอัตราดอกเบี้ยปกติ ย้อนหลังนับจากเริ่มได้รับสินเชื่อ นอกจากนี้ยังกำหนดให้ลูกค้าห้ามไถ่ถ่อนก่อน 5 ปี หากไถ่ถอนก่อนธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราปกติ
***เอกสารไม่ครบ อด!
นายวรวิทย์ กล่าวว่า สำหรับวงเงินกู้ 25,000 ล้านบาทนั้น เพื่อเป็นการกระจายวงเงินสินเชื่อให้ทั่วถึงทั้งประเทศ จึงแบ่งวงเงิน 60% สำหรับประชาชนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ส่วนอีก 40% ในต่างจังหวัด และเพื่อเป็นการป้องกันคำครหา กรณีล็อครายชื่อลูกค้าไว้แล้ว ธอส.ได้กำหนดให้ลูกค้ายื่นกู้พร้อมกันทั่วประเทศ มาก่อนมีสิทธิก่อนจนกว่าวงเงินจะหมด
พร้อมทั้งเตือนลูกค้าที่จะมายื่นกู้จะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมโดยเบื้องต้นควรเตรียมเอกสาร 5 อย่างดังนี้ 1.สำเนาบัตรประชาชน/ข้าราชการ 2.สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า 3.สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน บัญชีเงินฝาก สำเนาการค้าหรือหลักฐานการเสียภาษี 4.สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และ 5.สำเนาโฉนด หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดหรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร เพราะหากลูกค้าเตรียมเอกสารไม่ครบทั้ง 5 อย่างดังกล่าวจะไม่สามารถดำเนินยื่นกู้ได้
“ธอส.จะไม่นำลูกค้าที่มาลงชื่อไว้ก่อนหน้านี้มาสวมเข้าโครงการนี้ แต่หากลูกค้าที่ได้ยื่นกู้ไปแล้วและยังไม่ได้รับการอนุมัติ หากต้องการเข้าร่วมโครงการนี้จะต้องทำเรื่องขอกู้ใหม่ โดยใช้เอกสารยังเป็นชุดเดิมได้ ซึ่งจากการตรวจสอบลูกค้าของธอส.ที่ได้ยื่นกู้ไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัตินั้นมีประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท แต่ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านหลังแรกเพียง 3,000-4,000 ล้านบาท” นายวรวิทย์กล่าว
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าวงเงินดังกล่าวจะหมดภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งหากลูกค้าต้องที่พลาดโอกาสสามารถลงชื่อไว้ในบัญชีรายชื่อ หากมีลูกค้าที่ยื่นกู้ไปก่อนหน้านี้ไม่ได้รับวงเงินตามจำนวนที่แสดงไว้หรือคุณสมบัติไม่ผ่านธอส.จะดึงรายชื่อลูกค้าตามลำดับที่ได้ลงทะเบียนไว้
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ดอกเบี้ยที่ธอส.จะได้รับจากลูกค้าในช่วง 5 ปีแรกเฉลี่ยประมาณ 3.9% ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยของธอส.ในโครงการดังกล่าว อยู่ที่ 3.2% ซึ่งโครงกากรนี้ธอส.จะได้รับยกเว้นการนำเงินส่งคืนกระทรวงการคลัง
**ไตรมาสแรกปล่อยกู้2.29หมื่นล้าน**
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ธนาคารมีผลกำไรสุทธิ 2,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น53.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสแรกไปแล้วจำนวน 995 ล้านบาท โดย 3 เดือนที่ผ่านมาธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งสิ้น 33,292 บัญชี เป็นเงิน 22,992 ล้านบาท จากเป้าสินเชื่อทั้งปี 99,000 ล้านบาท
สำหรับยอดสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 685,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.91% ส่วนเงินฝากธนาคารมียอดเงินฝากรวม 546,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.07% ยอดสินเชื่อคงค้าง 662,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.57% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ไม่รวมหนี้ส่วนขาด จำนวน 49,244 ล้านบาท คิดเป็น 7.63% ของยอด สินเชื่อรวม ซึ่งลดลงจำนวน 903 ล้านบาท หรือลดลง 1.80% ทั้งนี้เนื่องจากประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะที่ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) คงเหลือจำนวน 5,615 ล้านบาท ลดลง 13.20% ไตรมาสแรกธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ได้ทั้งสิ้น 708 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงดำเนินตามแผนงานในการจำหน่ายทรัพย์ NPA ให้ได้มากที่สุด โดยธนาคารจัดให้มีการประมูลขายทรัพย์มือสอง (NPA) ทุกปีๆละ 3 ครั้ง โดยวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2554 ธนาคารสามารถขายทรัพย์ NPA ได้สูงถึง 390 ล้านบาท นับว่าประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมาย